27 ก.พ.ที่ผ่านมา ไม่มีไฮไลต์ให้ต้องตื่นเต้น ลุ้นระทึกตามที่หลายต่อหลายฝ่ายประเมินกันเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็น “คดียุบพรรคไทยรักษาชาติ” หรือ “คดีธนาธร” หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เพราะทั้งสองคดียังต้องรอฟังคำสั่ง จากศาล แต่ใช่ว่าจากนี้ไปหลายสิ่งหลายอย่างจะดำเนินไปอย่างราบเรียบ โดยไม่มีอาการสะดุด !
ในรายของ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ถูก พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ ในฐานะตัวแทนของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ( คสช.) แจ้งข้อหาตกเป็นผู้ต้องหาคดีความผิดตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ฯ ในการจัดรายการไลฟ์สดวิจารณ์พลังดูดของพรรคพลังประชารัฐ เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. 2561
โดยเมื่อวันที่ 27 ก.พ.ที่ผ่านมา ธนาธร ได้เข้าพบอัยการสูงสุด ต่อมาสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงข่าวว่า ไม่มีเหตุจำเป็นต้องฝากขังนายธนาธรและพวก โดยทั้งหมดมามอบตัวและได้รับทราบข้อกล่าวหา จึงปล่อยตัวไปโดยไม่มีหลักประกัน และนัดผู้ต้องหาฟังคำสั่งคดีอีกครั้ง 26 มี.ค.นี้
หมายความว่าคดีของธนาธร จะมีความชัดเจนหลังวันเลือกตั้ง 24 มี.ค. ซึ่งอาจจะสร้างความวุ่นวาย เกิดปัญหายุ่งยากตามมา ทั้งต่อพรรคอนาคตใหม่ และต่อตัวธนาธร ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคอนาคตใหม่ที่ “กระแส” กำลังดีวันดีคืน ไม่ต่างไปจากการมี “กับดัก” เอาไว้รอธนาธร อยู่เบื้องหน้า
ตอนหนึ่งของการให้สัมภาษณ์จาก ธนาธร ภายหลังจากที่ได้เข้าพบกับอัยการสูงสุด ว่า “ ไม่เป็นห่วงเรื่องกระแสคดีต่อผลกระทบของพรรคเราในการเลือกตั้ง เพราะเชื่อว่าประชาชนเข้าใจ ซึ่งกระแสของพรรคอนาคตใหม่ดีขึ้นทุกวัน จึงมีความพยายามเตะตัดขาด แต่ก็ไม่หนักใจเราจะทำงานตามแผนและอุดมการณ์ของพรรคให้กับประชาชนต่อไป”
ต้องไม่ลืมว่า การที่ธนาธร ออกมาตอบโต้ว่าเขาเหมือนถูกเตะตัดขานั่นเป็นเพราะจังหวะนี้ “คะแนนนิยม” ที่ประชาชนเทให้อนคตใหม่ กำลังทำให้พรรคและตัวเขาเอง มีความโดดเด่น ขึ้นมาเทียบชั้นกับ “บิ๊กเนมการเมือง”ยิ่งเมื่อเวลานี้ “พรรคไทยรักษาชาติ” เองกำลังติดบ่วง “คดียุบพรรค” ต้องรอฟังคำพิพากษาจากศาลรัฐธรรนูญ หลังจากวันที่ 27 ก.พ. จากนี้ไป
ยิ่งทำให้สถานการณ์ของพรรคไทยรักษาชาติ ไม่สู้ดีนัก ทั้งต่อตัวพรรคเอง ไปจนถึง “พรรคเพื่อไทย” พรรคหลักที่มีภารกิจต่อสู้กับคสช. และพรรคพลังประชารัฐ ให้ชนะการเลือกตั้งรอบนี้ให้ได้มากที่สุด
แต่เมื่อขาข้างหนึ่งของไทยรักษาชาติ ยังติดอยู่ในบ่วงคดียุบพรรค อีกทั้งยังมีกระแสข่าว ที่ออกมาในทางที่เป็นลบว่าโอกาสรอดมีน้อยมาก ยิ่งส่งผลทำให้กระแสของไทยรักษาชาติ ถูกจับตาว่าอาจจะสวิงมายังพรรคอนาคตใหม่ เพราะเป็นพรรคที่มี “ศัตรู” คนเดียวกันคือ พรรคพลังประชารัฐ และตัว “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช.
สถานการณ์ของพรรคไทยรักษาชาติ และพรรคอนาคตใหม่ ต่างนับว่าน่าเป็นห่วง เพราะกว่าที่ความชัดเจนจะปรากฎ “คะแนน” ของพรรคไทยรักษาชาติ และพรรคอนาคตใหม่คงไม่สามารถคาดหวังได้ว่า “คะแนนสงสาร” ที่ทะยานได้มากพอ จนทำให้กวาดชัยชนะในสนามเลือกตั้งขึ้นมาได้
ยิ่งเมื่อในความไม่ชัดเจนที่ว่านั้นยังเดิมพันและติดพันด้วยการดำรงอยู่ของพรรคไทยรักษาชาติ และการเผชิญหน้ากับคดีความของธนาธร แดนดิเดตนายกฯ ของอนาคตใหม่ ด้วยกันทั้งสิ้น !