ผลสำรวจความคิดเห็นของผู้บริหารระดับสูงหรือซีอีโอทั่วโลก ครั้งที่ 22 ประจำปี 2562 จำนวน 1,378 ราย ใน 91 ประเทศ ที่ใช้ในการประชุมสมัชชาเศรษฐกิจโลก หรือเวิล์ด อิโคโนมิค ฟอรั่ม พบว่า ซีอีโออาเซียนเชื่อว่าเศรษฐกิจโลกปีนี้จะชะลอตัวลงจากปีก่อน ซึ่งคล้ายคลึงกับมุมมองของซีอีโอโลก อันเกิดจากปัจจัยเสี่ยง 5 อันดับได้แก่
อันดับแรก ความขัดแย้งทางการค้า
อันดับสอง ความไม่แน่นอนทางภูมิศาสตร์การเมือง
อันดับสาม ความไม่แน่นอนของนโยบาย
อันดับสี่ กฎระเบียบข้อบังคับที่มากและเข้มงวดเกินไป
และอันดับห้า ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก
อย่างไรก็ตคาม ในมุมมองซีอีโออาเซียน
นายศิระ อินทรกำธรชัย ประธานกรรมการบริหาร และหุ้นส่วน บริษัท PwC ประเทศไทย มองว่าผลสำรวจในปีนี้สะท้อนให้เห็นว่าแนวโน้มเศรษฐกิจกำลังอยู่ในช่วงขาลง โดยซีอีโอมองประเด็นความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ความไม่แน่นอนทางการเมืองในหลายประเทศ รวมถึงสภาพแวดล้อมของกฎระเบียบและนโยบายต่างๆ ที่มีความเข้มงวดมากเกินไปเป็นปัจจัยเสี่ยงที่กดดันการเติบโต โดยปีนี้ เปอร์เซ็นต์ของซีอีโออาเซียนที่มีมุมมองในเชิงลบยังมีมากกว่าซีอีโอโลกด้วย ซึ่งแตกต่างจากปีก่อนๆ ที่ซีอีโอในฝั่งเอเชียมักมีความเชื่อมั่นมากกว่าซีอีโอจากฝั่งตะวันตก
สำหรับตลาดที่น่าลงทุนนั้น ซีอีโออาเซียน มองว่า 3 อันดับแรกของตลาดที่น่าลงทุน ซึ่งจะช่วยผลักดันให้บริษัทของพวกเขาเติบโตได้ในปีนี้ อันดับ 1 คือจีน อันดับ 2 อินโดนีเซีย และอันดับ 3 สหรัฐ
ในขณะที่ตลาดอันดับรองลงมานั้น อันดับ 4 เวียดนาม อันดับ 5 อินเดีย อันดับ 6 เมียนมา อันดับ 7 มาเลเซีย ในขณะที่ประเทศไทย ติดอยู่ในอันดับที่ 8 เท่ากับญี่ปุ่น กัมพูชา สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์
นายศิริ มองว่า สาเหตุที่จีนและอินโดนีเซียขึ้นไปอยู่ในลำดับต้นๆ ของประเทศที่น่าลงทุนนั้น เป็นเพราะทั้งสองประเทศดังกล่าวมีประชากรจำนวนมากและเป็นตลาดใหญ่ จึงยังมีโอกาสนำสินค้าเข้าไปขยายตลาดได้อีกมาก และจากอันดับการน่าลงทุนซึ่งไทยอยู่ในอันดับ 8 นั้น อาจเป็นเพราะการสำรวจเกิดขึ้นในช่วงเดือน กันยายน-ตุลาคม 2561 ซึ่งขณะนั้นประเทศไทยยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องของการกำหนดวันเลือกตั้ง จึงอาจเกิดความไม่มั่นใจต่อเสถียรภาพทางการเมืองของไทย และความเชื่อมั่น
นายศิริ เชื่อว่าถ้ามาสำรวจกันใหม่อีกครั้งในตอนนี้ เชื่อว่าอันดับของไทยในการเป็นประเทศที่น่าลงทุนมีโอกาสจะขยับขึ้นไปได้มากกว่าอันดับ 8 ในปัจจุบัน อาจเป็นอันดับ 7 หรือ 6 เพราะตอนนี้ได้เห็นการกำหนดวันเลือกตั้งที่ชัดเจนแล้วคือ 24 มีนาคม 2562 ความไม่แน่นอนทางการเมืองหมดไป จากเดิมที่ทำสำรวจไว้ในช่วง กันยายน-ตุลาคมปีก่อน สถานการณ์การเลือกตั้งของไทยยังอึมครึม
อย่างไรก็ตาม เราเห็นว่าการรั้งตำแหน่งตลาดน่าลงทุนในอันดับ 8 ถือเป็นข่าวดีทางด้านเศรษฐกิจ แม้จะต้องรอดูความชัดเจนหลังการเลือกตั้งอีกครั้ง และหวังว่าทุกฝ่ายจะพยายามรักษาความสงบ