ทีมข่าวคิดลึก และแล้วเมื่อโฉมหน้าคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ปรากฏ ได้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นไล่หลังตามมาทันที โดยเฉพาะการปรับ ครม.รอบนี้ ต้องถือว่าเป็นการ"ปรับใหญ่" ปรับเสริมเพิ่มเติมด้วยกันหลายเก้าอี้ โดยเฉพาะการปรับรอบนี้ดูเหมือนว่า รัฐบาลกำลังสะท้อนเป้าหมายที่ชัดเจนว่า หนึ่งปรับใหญ่ในส่วนของกระทรวงด้านเศรษฐ กิจและสอง ครม. "ประยุทธ์ 4" ไม่มีรายชื่อของ "นายทหาร" เข้ามาเพิ่มใหม่สักรายเดียว ! ทั้งที่ก่อนหน้านี้เกิดข่าวลือแพร่สะพัดกันอย่างคึกคักว่า เก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงสำคัญๆ นั้น "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อาจจะเลือกนายทหาร ทั้งที่เป็นเพื่อนและรุ่นน้องที่ไว้ใจ เชื่อมือกันได้มานั่งบริหารงาน แต่ที่สุดแล้วเมื่อคืนวันศุกร์ที่ 16 ธ.ค.มีการประกาศโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรัฐมนตรีชุดใหม่ กลับกลายเป็นการหักปากกาเซียนอย่างราบคาบ เพราะแทบไม่มีใครคาดเดาสิ่งที่อยู่ในใจของ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ถูกสักราย ยิ่งเมื่อมีการพุ่งเป้าไปยังกระทรวงด้านความมั่นคง การสังคมและการศึกษายิ่งทำให้หลงลืมไปว่าแท้ที่จริงแล้ว ทั้ง คสช. และรัฐบาลต่างรู้ดีว่างานใหญ่ที่รออยู่เบื้องหน้าในปี 2560 คือปัญหาปากท้อง ปัญหาเศรษฐกิจ ทั้งนี้ที่ผ่านมารัฐบาล ได้ออกมาตรการต่างๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มรายได้ให้กับประชาชนที่มีรายได้น้อยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2559 เพื่อหวังที่จะได้เห็นผลการเปลี่ยนแปลงใน เชิงบวก นอกจากนี้ยังน่าสนใจว่านอกเหนือไปจากการปรับใหญ่ ปรับทัพในส่วนงานด้านเศรษฐกิจแล้ว การปรับ ครม.ครั้งนี้ยังไม่มีการแต่งตั้ง"อดีตนายทหาร" เข้ามารับตำแหน่งตามที่เคยมีกระแสข่าวมาก่อนหน้านี้แต่อย่างใด ไม่ว่าจะเป็น"บิ๊กหลี" พล.อ.นิวัตรมีนะโยธิน ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม จะขึ้นมาแทน "พล.อ. ไพบูลย์คุ้มฉายา" ที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งองคมนตรี หรือการที่มีชื่อ"บิ๊กน้อย" พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ จากรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ขยับขึ้น มาเป็นแทน รวมทั้ง "บิ๊กโชย" พล.อ. กัมปนาทรุดดิษฐ์ อดีตผู้ช่วย ผบ.ทบ. เตรียมทหารรุ่น 16 สมาชิก สนช. มีชื่อเป็นแคนดิเดตจ่อคิวคั่วเก้าอี้"สนามไชย 2" คือ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม มีการตั้งข้อสังเกตว่าการที่ ครม."ประยุทธ์ 4" ไม่มีทหารเข้ามาร่วมขบวนในฐานะ "หน้าใหม่" หรือไม่มีการปรับย้ายอดีตนายทหารคนเดิมไป นั่งในเก้าอี้ตัวใหม่นั้นด้านหนึ่งกำลังสะท้อน ให้เห็นว่า คสช.กำลังเข้าสู่โหมดของการ "ผลัดใบ" เปลี่ยนโฉมหน้าจาก คสช.ทหารไปสู่ภาคพลเรือนมากขึ้น เพื่อรองรับและปรับภาพลักษณ์ของทั้ง คสช. และรัฐบาลในคราวเดียวกัน แน่นอนว่าการปรับภาพ ครม.รีแบรนดิ้ง เพื่อลดโทนรัฐบาลทหารเช่นนี้อาจไม่มีผลมากนัก สำหรับ "กองเชียร์"ที่สนับสนุน คสช. ทว่าต้องไม่ลืมว่าในความเป็นจริงแล้ว คสช.เองได้ยืนอยู่บนแรงเสียดทานและการโจมตีจากฝ่ายต่อต้านมาตลอดเวลาเช่นกัน นอกจากนี้ยังน่าจับตาว่าการปรับครม. เพื่อสร้างภาพใหม่ให้กับ ครม. ของ"นายกฯตู่" ครั้งนี้ ยังต้องการสร้างความเชื่อมั่นให้กับมิติทางเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการเตรียมตัวเข้าสู่โหมดของการสร้างคะแนนก่อนถึงวันเลือกตั้งซึ่งแน่นอนว่า ไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว ทุกขั้วอำนาจ จะต้องเผชิญหน้ากันในสนามเลือกตั้ง โดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ !