ร่วมกันสร้างมิติใหม่ของการเลือกตั้ง

มีคำกล่าวที่ว่า “หากอยากรู้ว่าตัวเองทำอะไรไม่ดีไว้บ้าง ให้ลงสมัครรับเลือกตั้ง” นั้น คำพูดดังกล่าวได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นความจริงมาแล้ว ในการเลือกตั้งหลายต่อหลายครั้งที่ผู้เสนอตัว เป็นผู้แทนราษฎรเข้าไปนั่งออกเสียงในสภาผู้แทนราษฎร จะถูกขุดคุ้ยประวัติและการกระทำที่ไม่ดีงาม ไม่เหมาะสม ในอดีตจากคู่แข่งในช่วงของการหาเสียงเลือกตั้ง หรือก่อนจะเปิดตัวลงสมัครด้วยซ้ำ บางเรื่องก็เป็นความจริง ขณะที่บางเรื่องก็มีการบิดเบือนให้เกิดความเข้าใจผิด กลายเป็นการ “ไส่ร้าย” หรือ “สาดโคลน”กัน ในการเลือกตั้งครั้งนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น แม้เราจะห่างหายจากการเลือกตั้งมาแล้ว 8 ปี การเลือกตั้งครั้งนี้ถือเป็นการเลือกตั้งครั้งสำคัญ และสำหรับคนรุ่นใหม่จำนวนหนึ่ง เป็นการเลือกตั้งครั้งแรก ที่เราคาดหวังว่าการเปลี่ยนผ่านจากระบอบเผด็จการไปสู่ระบอบประชาธิปไตยรอบนี้ จะสร้างการเมืองแบบใหม่ การหาเสียงอย่างสร้างสรรค์ มุ่งแข่งขันด้านนโยบาย ในบรรยากาศถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน แต่ดูเหมือนว่าความเป็นจริงที่เกิดขึ้นจะสวนทาง ยิ่งเราอยู่ในยุคที่สื่อสังคมออนไลน์เบ่งบานการใช้เทคโนโลยีต่างๆ ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการทำลายคู่แข่ง แม้จะมีพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์คอยกำกับอยู่ แต่กลุ่มผู้เชี่ยวชาญในด้านมืดเหล่านี้ ก็มักจะมีช่องทางในการหลบหลีก และซ่อนเร้นจากการตรวจสอบเพื่อตัดวามเชื่อมโยงจากผู้บงการที่แท้จริง ขณะเดียวกันในปัจจุบันกลุ่มที่ชื่นชอบในสิ่งเดียวกัน ก็มักจะตั้งกลุ่มลับเพื่อพูดคุยกันและนัดกันไปโจมตีทางโซเชียล ทำให้ฝ่ายที่ถูกโจมตีต้องออกมาปกป้องตนเองและดึงแนวร่วมอกมาด้วย ไม่ต่างจากการ “ยกพวกตีกัน” ในโลกจริง โดยเฉพาะในห้วงที่ผ่านมา บุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีสังกัดพรรคการเมืองต่างๆ ตกเป็นเป้าถูกโจมตี ขุดคุ้ย เบี่ยงความสนใจไปจากคุณสมบัติ ผลงาน วิสัยทัศน์และนโยบายของพวกเขา สิ่งที่น่าสนใจคือ การสร้างบรรยากาศการแข่งขันที่ไม่สร้างสรรค์นี้ อาจส่งผลให้การเลือกตั้งมีความรุนแรง ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อประเทศชาติ ที่ประสบปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองสะสมมานานหลายปี ถือเป็นปัญหาที่บั่นทอนความเจริญของประเทศชาติ เราจึงฝากความหวังให้คนรุ่นใหม่ ที่มีความคิดใหม่ เป็นไปในทางสร้างสรรค์ แสดงพลังให้ผู้ที่ยังเล่นการเมืองแบบเก่าได้รับรู้ว่า ต้องการเลือกตั้งที่สมานฉันท์ ต่อสู้กันในระบบอย่างสร้างสรรค์ และทำให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความสุจริต ส่งสัญญาณเตือนให้กลุ่มที่ยังตกยุคเหล่านั้น หันกลับมาเปลี่ยนแปลงตนเอง และเปลี่ยนแนวทางการทำงานการเมืองเพื่อบรรยากาศที่ดี สร้างมิติใหม่ของการเลือกตั้ง