เสียงเตือนจาก “ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล” อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความเห็นกรณี “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยินยอมให้ใช้ชื่อลงแคนดิเดตนายกฯพรรคพลังประชารัฐ ว่ากำลังจะนำไปสู่ “ความสุ่มเสี่ยง”
โดยธีระชัย ให้ข้อสังเกตว่า “สำหรับเรื่องที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลงนามยินยอมเป็นแคนดิเดทนายกฯ ให้แก่พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งอาจจะเข้าลักษณะต้องห้ามตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ และกรณีถ้าหากเข้าลักษณะดังกล่าว ก็จะทำให้การดำเนินงานของคณะรัฐมนตรีต่อไปถูกฟ้องว่าเป็นโมฆะได้ รวมทั้งอาจทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะได้อีกด้วยนั้น
เนื่องจากเป็นข้อถกเถียงในเรื่องของรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าเลขาธิการสำนักงานกฤษฎีกาหรือกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ จึงมิใช่เป็นผู้ที่มีอำนาจหรือหน้าที่จะชี้ขาด ผู้ที่มีอำนาจคือศาลรัฐธรรมนูญเท่านั้น
ดังนั้น ผมจึงขอย้ำคำแนะนำที่ให้ท่านนายกฯสั่งการเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ให้ดำเนินการขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสถานะของท่านนายกฯเป็นการด่วนที่สุด”
แน่นอนว่าเวลานี้ประเด็นที่กลายเป็นทั้ง “ข้อถกเถียง” และ “ช่องทาง” ที่ทำให้พรรคพลังประชารัฐ ถูกย้อนศร จาก “ฝั่งตรงข้าม” ไม่ว่าจะเป็น “พรรคไทยรักษาชาติ” ที่ส่งทีมกฎหมายไปร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ให้พิจารณาสถานะของพล.อ.ประยุทธ์ ภายหลังจากที่เจ้าตัวตอบรับการเป็นนายกฯให้กับพรรคพลังประชารัฐ นั้นถือเป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎหมายหรือไม่
“ พปชร.กระทำการอันเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.ได้อำนาจการปกครองมาจากการปฏิวัติ เป็นบุคคลที่มีที่มาโดยมิชอบ ยึดอำนาจมาบริหารประเทศต่อ ซึ่งไม่เป็นไปตามครรลองระบอบประชาธิปไตย และขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ หาก กกต.เห็นสอดคล้องกับคำร้องของตน ขอให้ดำเนินการส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
นอกจากนี้ ยังขอยื่นคำร้องคัดค้านการประกาศชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นแคนดิเดตนายกฯของ พปชร. เนื่องจากก่อนและหลังการประกาศ พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ รับเงินเดือนและยังมีตำแหน่งกรรมบริหารในหลายองค์กร ซึ่งมีค่าตอบแทนจากงบประมาณแผ่นดิน ซึ่งเป็นลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 14 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.การประกาศรายชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ในบัญชีรายชื่อจึงมิชอบ” วิญญัติ ชาติมนตรี เลขาธิการสมาพันธ์นักกฎหมายเพื่อสิทธิและเสรีภาพ ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย ระบุกับสื่อเมื่อวันที่ได้เดินทางไปยื่นคำร้องต่อกกต.
ในระหว่างนี้ “มือกฎหมาย” ของรัฐบาล จะต้องหาทางออกให้กับบิ๊กตู่ เพื่อไม่ให้ปัญหา “สถานะ” ของ “ว่าที่นายกฯ ในนามพรรคพลังประชารัฐ เกิดอาการสะดุดและติดขัด จนทำให้เป้าหมายของคสช.ไม่สามารถ “ไปต่อ” ตามแผนการเล่นได้
แต่ถึงกระนั้นในทางยุทธวิธีแล้ว การเคลื่อนไหวทางการเมืองของพล.อ.ประยุทธ์ และ “บิ๊กคสช.” เองยังต้องเดินหน้าต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการทยอยออกสารพัดนโยบายในช่วงโค้งสุดท้าย หรือแม้แต่การเดินสายหาเสียงเพื่อพบปะประชาชน ในระหว่างที่ “มือกฎหมาย” ของสองฝั่งยังเปิดตำราสู้กันอยู่ เพราะอย่างน้อย ในวันอังคารที่ 19 ก.พ.นี้ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่พลาดที่จะยกคณะลงไปเดินสายไหว้พระกันที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในช่วงวันหยุด เย้ยเยาะ คู่แข่งไปพลางๆ !