เสือตัวที่ 6
การต่อสู้ด้วยยุทธศาสตร์สงครามยืดเยื้อเป็นกระบวนการต่อสู้ในสงครามที่คู่ต่อสู้มีพลังอำนาจการรบที่แตกต่างกันอย่างมาก เป็นกลยุทธ์ในสงครามที่ฝ่ายที่มีพลังอำนาจในการรบต่ำกว่านำมาใช้เพื่อลดทอนศักยภาพการรบของฝ่ายตรงข้ามให้ลดน้อยถอยลงโดยใช้ยุทธวิธีการรบแบบกองโจรใต้ดินเป็นสำคัญ และในขณะเดียวกันกลยุทธ์สงครามยืดเยื้อด้วยยุทธวิธีการรบแบบกองโจรใต้ดินนี้ ยังเป็นการเพิ่มศักยภาพในการรบของฝ่ายด้อยกว่า ให้กลับมีมากขึ้นเป็นทวีคูณ และนั่นคือยุทธวิธีที่ขบวนการแย่งยึดอำนาจการปกครองจากรัฐในพื้นที่ปลายด้ามขวานนำมาใช้สู้รบกับรัฐได้อย่างเข้มแข็งยืดเยื้อยาวนานมาหลายสิบปี กระบวนการต่อสู้กับรัฐด้วยองค์กรลับอย่าง BRN จึงเป็นหลักการสำคัญในการซ่อนพรางคู่ต่อสู้กับรัฐ ที่ผ่านมาสงครามในสมรภูมินี้จึงทำให้รัฐคลำทางไม่ถูกสักที ที่ผ่านมาจึงทำให้รัฐหาโจทย์ไม่พบและนั่นจึงเป็นที่มาของการแสวงหาแนวทางในการต่อสู้กับ BRN จึงคลุมเครือและไม่ต่อเนื่อง เกิดสำนักคิดในการต่อสู้ของรัฐที่มีต่อขบวนการร้ายแห่งนี้ที่แตกต่างกันออกไปจนยากที่จะแสวงจุดร่วมในการต่อสู้ระหว่างสำนักคิดฝ่ายรัฐได้อย่างลงตัวด้วยความเชื่อในชุดความคิดของตนจึงเป็นสำนักคิดที่สุดโต่งในแบบของตน
ชุดความคิดของแต่ละสำนักคิดอันสุดโต่งเหล่านั้นจึงเกิดแนวทางการต่อสู้ การขับเคลื่อนทุกองคาพยพของรัฐเพื่อแก้ปัญหาในสงครามยืดเยื้อยาวนานในสมรภูมิปลายด้ามขวานที่นักการทหาร นักความมั่นคง ตลอดจนนักวิชาการ ต่างตีโจทย์และมุมมองต่อปรากฏการณ์ความขัดแย้งในการต่อสู้แตกต่างกันไปคนละทิศละทาง จนกลายเป็นแนวคิดในการต่อสู้แตกต่างอย่างสุดขั้วตามชุดความคิดของสำนักคิดที่หลากหลาย โดยชุดความคิดบางสำนักคิดเชื่อว่ากลุ่มปรปักษ์กับรัฐประกอบกันด้วยกลุ่มคนหลากหลายกลุ่มที่ไม่มีกลุ่มใดเป็นองค์กรนำอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด โดยเห็นว่าขบวนการแบ่งแยกดินแดนประกอบด้วยอย่างน้อย 6 กลุ่ม คือ 1) กลุ่ม BRN ประกอบด้วย องค์กรแนวร่วมและกองกำลังติดอาวุธ 2) กลุ่ม PULO MKP ประกอบด้วย องค์กร และแนวร่วม 3) กลุ่ม PULO DSPP ประกอบด้วย องค์กร และแนวร่วม 4) กลุ่ม PULO P4 ประกอบด้วย องค์กรและแนวร่วม 5) กลุ่ม BIPP ประกอบด้วย องค์กร และ แนวร่วม และ 6) กลุ่ม GMIP ประกอบด้วย องค์กรและแนวร่วม โดยแกนนำของกลุ่มต่างๆ จะอาศัยอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน สถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดน ในขณะที่บางสำนักคิดเชื่อว่า กลุ่มขบวนการร้ายเหล่านั้นมีพัฒนาการที่เปลี่ยนไปแล้วและมีวิธีการในการต่อสู้แย่งยึดอำนาจการปกครองจากรัฐที่เปลี่ยนไป ในขณะที่อีกสำนักคิดหนึ่งเชื่อว่าปัจจุบันคงเหลือเพียงกลุ่ม BRN เท่านั้นที่ยังคงมีศักยภาพในการต่อสู้ด้วยอาวุธกับรัฐได้อย่างเข้มแข็ง
บางสำนักคิดเชื่อว่ากลุ่มขบวนการร้ายแห่งนี้ต้องการเอกราชในรูปแบบเขตปกครองพิเศษ ในขณะที่อีกสำนักคิดหนึ่งเชื่อว่าเป้าหมายสำคัญสุดท้ายของขบวนการแย่งยึดอำนาจรัฐคือเอกราชในการปกครองคนเองโดยสมบูรณ์ในรูปแบบรัฐเอกราชปาตานี ซึ่งนั่นจะเป็นที่มาของวิธีการต่อสู้ของรัฐที่มีต่อขบวนการที่แตกต่างกัน นอกจากนั้น กระบวนการขับเคลื่อนการต่อสู้เพื่อแก้ปัญหาของรัฐก็แตกต่างกันไปตามชุดความคิดของแต่ละสำนักคิด บางสำนักคิดเชื่อว่าต้องใช้การพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อสร้างความกินดีอยู่ดีให้เกิดกับคนในพื้นที่เพราะเชื่อในความคิดที่ว่าเมื่อคนมีความเป็นอยู่ที่ดี มีเศรษฐกิจที่ดี มีอนาคตที่ดี มวลชนย่อมไม่ต้องการเข้าร่วมกับขบวนการและการต่อสู้ด้วยอาวุธ ในทางตรงข้ามบางสำนักคิดเชื่อว่าต้องเอาชนะขบวนการร้ายแห่งนี้ด้วยอาวุธให้ได้อย่างเด็ดขาดก่อนจึงจะเอาชนะในมิติอื่นๆ ได้ นั่นคือการทุ่มกำลังทหารเข้ารุกไล่ทำลายโครงสร้างกองโจรในพื้นที่หมู่บ้านให้สิ้นซากก่อนขับเคลื่อนการพัฒนาเพื่อความมั่นคงต่อไป บางสำนักคิดเชื่อว่ากระบวนการต่อสู้เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่แห่งนี้ต้องใช้สันติวิธีตามแนวทางการเจรจาเพื่อสันติภาพเป็นหลัก ทำให้วิธีการดำเนินงานออกมาในรูปแบบที่อะลุ่มอล่วย ประนีประนอม ผ่อนหนักผ่อนเบาให้ฝ่ายขบวนการแห่งนี้อย่างออกนอกหน้า การมุ่งเจรจาสันติภาพผ่านกระบวนการพูดคุยจึงเห็นว่าเป็นประตูสู่การยุติปัญหา ซึ่งนั่นจึงเป็นที่มาและสาระสำคัญของแผนปฏิบัติการร่วมเพื่อสร้างสันติสุขแบบองค์รวม หรือ Joint Comprehensive Plan towards Peace (JCPP) ในปี 2566 ซึ่งเป็นข้อตกลงร่วมกันของคณะพูดคุยสันติสุขของรัฐที่จัดทำขึ้นในห้วงเวลาที่ พล.อ.วัลลภฯ ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าคณะ โดยเป็นการพูดคุยสันติสุขอย่างเป็นทางการกับตัวแทนกลุ่มขบวนการ BRN ที่เชื่อว่าเป็นตัวหลักของขบวนการแบ่งแยกดินแดนในพื้นที่ จนส่งผลให้ BRN เรียกร้องให้รัฐปฏิบัติตาม ด้วยเนื้อหาใน JCPP ส่วนใหญ่จะเป็นประโยชน์ต่อ BRN ในโอกาสที่จะได้มาซึ่งอำนาจรัฐในการปกครองกันเองโดยอิสระ ในขณะที่บางสำนักคิดเชื่อว่าการเจรจาพูดคุยสันติสุขจะไม่มีโอกาสสัมฤทธิ์ผลหากรัฐไม่มีอำนาจต่อรองในการเจรจาด้วยการเอาชนะกองโจรติดอาวุธของขบวนการให้ได้ก่อนอย่างสิ้นเชิงด้วยการเอาชนะกองโจรที่หมู่บ้านเพื่อปลดปล่อยเขตยึดครองของกองโจรในหมู่บ้าน ทั้งนี้หากรัฐมุ่งเจรจาโดยไม่มีอำนาจต่อรองที่เหนือกว่าก็จะได้ผลของการเจรจาที่ไม่เป็นผลดีต่อรัฐในการรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยเหนือดินแดนได้
ด้วยชุดความคิดที่แตกต่างของสำนักคิดที่หลากหลาย ต่างเชื่อมั่นในชุดความคิดของแต่ละคนแต่ละสำนักคิดในการต่อสู้เพื่อผดุงไว้ซึ่งบูรณภาพแห่งดินแดนปลายด้ามขวาน จึงส่งผลให้การต่อสู้ของรัฐในสมรภูมินี้ไม่เกิดเอกภาพในความพยายาม แม้ความแตกต่างในชุดความคิดจะเป็นเรื่องปกติ หากแต่ความแตกต่างในชุดความคิดเหล่านั้นต้องไม่อยู่บนพื้นฐานของความเชื่อในสำนักคิดอันสุดโต่งของตนจนไม่สามารถแสวงจุดร่วมกันได้แม้แต่น้อย