รศ.ดร.สุขุม เฉลยทรัพย์

ที่ปรึกษาอธิการบดีมหาวิทยาลัยสวนดุสิต

การมาถึงของยุค AI หรือปัญญาประดิษฐ์ส่งผลให้มหาวิทยาลัยต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงในทุกมิติของการทำงาน รวมถึงการเรียนการสอนซึ่งต้องปรับเปลี่ยนและขยายไปสู่การเรียนรู้แบบปรับตัว (Adaptive Learning) ที่ไม่จำกัดอยู่แค่การบรรยายในชั้นเรียน  โดย AI เข้ามามีบทบาทในการออกแบบเนื้อหาเฉพาะบุคคล ช่วยให้นักศึกษาสามารถเรียนรู้ตามศักยภาพของตนเอง นอกจากนี้ ระบบผู้ช่วยอัจฉริยะ (Intelligent Tutoring Systems) และระบบวิเคราะห์การเรียนรู้ (Learning Analytics) ก็กลายเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้อาจารย์สามารถระบุผู้เรียนที่มีความเสี่ยงต่อการหลุดออกจากระบบการศึกษาได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ การประเมินผลที่เคยใช้เวลานานและมีภาระมากสำหรับอาจารย์ก็ถูกแทนที่ด้วยระบบอัตโนมัติที่ทำงานได้รวดเร็ว แม่นยำ และโปร่งใสมากขึ้น

ขณะเดียวกัน ด้านการบริหารจัดการ มหาวิทยาลัยยุคนี้จำเป็นต้องใช้ AI เพื่อจัดการข้อมูลจำนวนมหาศาล ตั้งแต่การบริหารจัดการข้อมูลนักศึกษา การวางแผนทรัพยากร ไปจนถึงการกำหนดนโยบายและยุทธศาสตร์ในอนาคต การวิจัยและนวัตกรรมก็เช่นกัน AI ได้เข้ามามีบทบาทในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก สร้างแบบจำลองที่ซับซ้อน และเร่งกระบวนการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

อย่างไรก็ดี ความก้าวหน้าเหล่านี้ก็เต็มไปด้วยความท้าทายต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นประเด็นด้านจริยธรรม เช่น ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล อคติในอัลกอริทึม (Algorithmic Bias) และประเด็นความเสี่ยงจากการพึ่งพาเทคโนโลยีมากเกินไปก็เป็นปัญหาสำคัญที่มหาวิทยาลัยต้องเผชิญ หากไม่มีกลไกกำกับดูแลที่เหมาะสม การใช้ AI อาจบั่นทอนทักษะสำคัญของผู้เรียน ไม่ว่าจะเป็นการคิดเชิงวิพากษ์ ความคิดสร้างสรรค์ หรือการปฏิสัมพันธ์ทางสังคม ซึ่งล้วนเป็นคุณค่าหลักของการศึกษาระดับอุดมศึกษา

สำหรับประเทศไทยนั้น มหาวิทยาลัยยังคงเผชิญกับข้อจำกัดหลายประการ แม้ว่ารัฐบาลจะกำหนดยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และนโยบาย Thailand 4.0 ที่เน้นการสร้างมหาวิทยาลัยยุคใหม่ แต่การดำเนินงานจริงยังคงอยู่ในระดับเริ่มต้น ข้อมูลสะท้อนว่ามีเพียงมหาวิทยาลัยชั้นนำไม่กี่แห่งที่สามารถริเริ่มการสร้างสถาบันหรือแพลตฟอร์มด้าน AI ของตนเอง ขณะที่ภาพรวมของระบบอุดมศึกษายังขาดบุคลากรด้าน AI จำนวนมาก และยังไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการแรงงานที่เพิ่มขึ้นมากได้ ความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัลก็ยังคงปรากฏชัดเจนระหว่างมหาวิทยาลัยใหญ่ที่มีทรัพยากรพร้อมกับมหาวิทยาลัยท้องถิ่นที่มีข้อจำกัดทั้งด้านงบประมาณ บุคลากร และโครงสร้างพื้นฐาน

ดังนั้น ความอยู่รอดของมหาวิทยาลัยไทยยุค AI ขึ้นอยู่กับความสามารถในการปรับตัวในเชิงเทคนิคหรือโครงสร้าง รวมถึงการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เปิดกว้างต่อการเรียนรู้และนวัตกรรม มหาวิทยาลัยที่สามารถสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ (Learning Culture) ที่เข้มแข็ง ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ การทดลอง และการยอมรับความล้มเหลว จะสามารถใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาได้อย่างยั่งยืน ในทางตรงกันข้าม หากวัฒนธรรมองค์กรในมหาวิทยาลังยังเป็นแบบปิดกั้น ไม่พร้อมเปิดรับความเปลี่ยนแปลง
การปรับตัวก็จะเป็นแค่ “เปลือกนอก” ที่ไม่อาจนำไปสู่ความล้มเหลว

ในมิติของภาวะผู้นำมหาวิทยาลัยในยุค AI ซึ่งอาจประกอบด้วย 1) การมองอนาคตที่กว้างไกลเพื่อกำหนดยุทธศาสตร์เชิงรุก 2) การปรับตัวเชิงกลยุทธ์ที่ยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลง 3) การกำกับดูแลที่โปร่งใสและการเสริมพลังให้บุคลากรมีส่วนร่วม และ 4) การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ยั่งยืนบนพื้นฐานของคุณธรรม ความเท่าเทียม และการเรียนรู้ตลอดชีวิต หากผู้นำมหาวิทยาลัยสามารถผสมผสานมิติทั้งสี่ได้อย่างลงตัว มหาวิทยาลัยก็จะพร้อมรับมือกับความท้าทายและใช้ AI เป็นเครื่องมือเพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาได้เต็มศักยภาพ

นอกจากภาวะผู้นำแล้ว การพัฒนามหาวิทยาลัยในยุค AI ต้องตั้งอยู่บนฐานของคุณค่ามนุษย์ จริยธรรม และนวัตกรรม คุณค่ามนุษย์ ได้แก่ ความคิดสร้างสรรค์ ความเห็นอกเห็นใจ และการคิดเชิงวิพากษ์ ที่ถือเป็นเกราะป้องกันไม่ให้การใช้ AI เป็นแค่การเพิ่มประสิทธิภาพเชิงกลไกโดยละเลยศักดิ์ศรีและสิทธิของผู้เรียน จริยธรรมและความรับผิดชอบคือกลไกสำคัญที่จะทำให้มหาวิทยาลัยสามารถใช้ AI ได้อย่างโปร่งใส ยุติธรรม และสร้างความไว้วางใจในสังคม ขณะที่นวัตกรรมและการเรียนรู้ตลอดชีวิตคือหัวใจของการปรับตัว มหาวิทยาลัยต้องทำหน้าที่เป็นพื้นที่สำหรับการ Reskill และ Upskill ทั้งนักศึกษา บุคลากร และอาจารย์อย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับตลาดแรงงานที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและไม่หยุดนิ่ง

มหาวิทยาลัยในยุคปัญญาประดิษฐ์ต้องเผชิญทั้งโอกาสและความท้าทายไปพร้อมกัน การอยู่รอดมิได้ขึ้นอยู่กับการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้อย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้นำในการบูรณาการคุณค่ามนุษย์ จริยธรรม และนวัตกรรมเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างสมดุลระหว่างประสิทธิภาพทางเทคนิคกับคุณค่าทางสังคม ผู้นำที่มีวิสัยทัศน์เชิงดิจิทัล ใช้ข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ และยึดมั่นในความรับผิดชอบเชิงจริยธรรม จะนำพามหาวิทยาลัยให้อยู่รอด ยืนหยัดอย่างมั่นคง และยั่งยืนบนเส้นทางที่ทุกมหาวิทยาลัยงก็ต้องเผชิญเหมือน ๆ กันในยุค AI ครับ