ในยุคที่เราฝันถึงประเทศไทยที่โปร่งใสและไร้การทุจริต หลายคนอาจมองว่าเป็นเรื่องที่ยากจะบรรลุผลในเร็ววัน เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบัน ปัญหาคอร์รัปชันในประเทศไทยเป็นเรื่องเชิงโครงสร้างที่ฝังรากลึกและมีความซับซ้อน ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมในวงกว้าง
ข้อมูลจาก ดัชนีการรับรู้การทุจริต (Corruption Perceptions Index: CPI) ที่จัดทำโดยองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International) ชี้ให้เห็นว่าคะแนนของไทยในช่วงหลายปีที่ผ่านมาไม่มีการพัฒนาที่ก้าวกระโดดอย่างมีนัยสำคัญ คะแนนที่อยู่ในช่วง 35-40 จากคะแนนเต็ม 100 สะท้อนถึงปัญหาที่ยังคงอยู่และยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อเทียบกับประเทศที่มีความโปร่งใสสูงในระดับโลก
การทุจริตในประเทศไทยไม่ได้เป็นเพียงปัญหาที่เกิดจากปัจเจกบุคคล แต่มีรากเหง้ามาจากหลายปัจจัย ได้แก่ ปัญหาเชิงโครงสร้างในระบบการเมืองและระบบราชการที่ขาดกลไกการตรวจสอบที่เข้มแข็ง การบังคับใช้กฎหมายที่อ่อนแอและไร้ประสิทธิภาพ ทำให้ผู้กระทำผิดระดับสูงหลีกเลี่ยงการถูกลงโทษได้ง่าย
นอกจากนี้ ระบบอุปถัมภ์ และ ระบบพรรคพวก ยังเป็นอุปสรรคสำคัญที่เอื้อให้เกิดการใช้ตำแหน่งหน้าที่เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้อง ซึ่งขัดขวางหลักการธรรมาภิบาลและความโปร่งใส จึงไม่แปลกใจที่เริ่มมีเสียงคัดค้านไม่ให้ผู้พิพากษาเข้าร่วมอบรมบางหลักสูตรที่อาจไม่เป็นประโยชน์และสุ่มเสี่ยงต่อการผิดวินัย รวมถึงระบบอุปถัมภ์
อย่างไรก็ตาม การจะทำให้ประเทศไทยปราศจากคอร์รัปชันไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่ต้องอาศัยความร่วมมือและการเปลี่ยนแปลงอย่างจริงจังจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน โดยมีแนวทางที่สำคัญได้แก่ การ ปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ให้มีประสิทธิภาพและเท่าเทียม การ ส่งเสริมธรรมาภิบาล ในทุกหน่วยงาน รวมถึงการสร้างความเข้มแข็งให้ ภาคประชาสังคม เพื่อให้มีส่วนร่วมในการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลมากขึ้น
นอกจากนี้ การนำ เทคโนโลยี มาใช้ในกระบวนการต่างๆ ของภาครัฐยังเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยลดโอกาสในการทุจริตได้ แม้ความฝันที่ประเทศไทยจะไร้การทุจริตจะเป็นเรื่องที่ท้าทาย แต่หากมีการดำเนินการแก้ไขอย่างเป็นระบบและต่อเนื่องอย่างจริงจังจากทุกฝ่าย ความฝันนี้ย่อมมีโอกาสเป็นจริงได้
สุขสันต์วันฝันโลก