ปัจจุบัน "บัญชีม้า" คือหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่มิจฉาชีพใช้ในการหลอกลวงประชาชนและซ่อนเส้นทางการเงิน ทำให้การติดตามผู้กระทำผิดตัวจริงเป็นไปได้ยากยิ่งขึ้น ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงร่วมมือกันอย่างแข็งขันเพื่อยกระดับมาตรการกวาดล้างและตัดวงจรอาชญากรรมทางการเงินนี้
ด้วยสถานการณ์ที่มิจฉาชีพมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการหลอกลวงอยู่ตลอดเวลา ทำให้มาตรการเชิงรุกที่เคยมีถูกนำมาปรับปรุงให้ทันสมัยยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจำแนกประเภทบัญชีม้าตามระดับความเสี่ยงที่เข้มงวดกว่าเดิม เพื่อให้สามารถระงับและจัดการได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น เริ่มตั้งแต่ ม้าดำ ซึ่งหมายถึงบัญชีของผู้กระทำความผิดที่อยู่ในรายชื่อของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ไปจนถึง ม้าเทาเข้ม ที่เป็นบัญชีซึ่งมีผู้เสียหายแจ้งความแล้ว และ ม้าน้ำตาล ที่เป็นบัญชีต้องสงสัยซึ่งธนาคารเห็นว่ามีพฤติกรรมผิดปกติที่ต้องเฝ้าระวัง
นอกจากบัญชีธนาคารแล้ว มิจฉาชีพยังหันมาใช้บัญชีในรูปแบบอื่น ๆ เช่น บัญชีสำหรับกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (E-wallet) และ บัญชีสำหรับบริการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อเป็นช่องทางในการฟอกเงิน ทำให้หน่วยงานรัฐและเอกชนต่าง ๆ ต้องประสานงานกันเพื่อขยายผลการกวาดล้างไปยังช่องทางเหล่านี้ด้วย ซึ่งในปัจจุบันหลายบริษัทก็เริ่มให้ความร่วมมือในการต่อสู้กับปัญหาบัญชีม้าอย่างจริงจัง ทำให้เกิดความร่วมมืออย่างเป็นทางการระหว่างภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งธนาคาร หน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย และผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล
สำหรับประชาชนทุกคน การป้องกันตัวเองจากภัยนี้ถือเป็นเกราะป้องกันที่ดีที่สุด ผมขอแนะนำให้ระมัดระวังในการทำธุรกรรม และไม่ควรเปิดบัญชีธนาคาร บัญชี E-wallet หรือบัญชีซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลให้ผู้อื่นใช้โดยเด็ดขาด รวมถึงต้องเก็บรักษาข้อมูลส่วนตัวที่สำคัญ เช่น รหัส OTP, บัตรประชาชน และข้อมูลทางการเงินอื่น ๆ ไว้เป็นความลับ หากพบความผิดปกติใด ๆ ในบัญชีของตนเอง ควรรีบแจ้งผู้ให้บริการทันทีเพื่อขอคำแนะนำและดำเนินการที่จำเป็นต่อไป มาตรการที่เข้มงวดขึ้นนี้จะช่วยสร้างความปลอดภัยในระบบการเงินและลดความเสี่ยงจากการตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพได้อย่างมีประสิทธิภาพ