สถาพร ศรีสัจจัง
ใครที่เคยไปท่องเที่ยวจังหวัดสตูลสักหลายๆวัน และบังเอิญได้เปิดฟังสถานีวิทยุ “สวท.สตูล” ต่อเนื่องกันสักครึ่งชั่วโมง รับรองว่าต้องได้ยินเสียงเพลงโฆษณาจังหวัดที่แสนจะฮ็อต(ในจังหวัดนั้น) ฟังว่าทั้งคนเขียนและคนร้องเพลงๆนี้เป็นศิลปินสตูลแท้โดยเลือดเนื้อเชื้อไขทีเดียว ถ้าจำไม่ผิดเป็นเพลงของวงดนตรีที่ชื่อ “กัวลาบาลา” หรืออะไรนี่แหละ(ถ้าจำผิดก็ต้องขอโทษด้วย) เพลงที่วงนี้แต่งขึ้นเพื่อใช้ “โปรโมท” จังหวัดดูเหมือนจะมีหลายเพลงด้วยกัน
แต่ที่ “ติดหู” ชาวบ้านร้านตลาดมากที่สุดคือเพลงที่สถานีสวท.สตูล นิยมเปิดแทบจะทุกชั่วโมงที่ชื่อ “สตูล วอนเดอร์แลนด์” นี่แหละ!
ชื่อเพลงนี้ถ้าจะให้แปลเป็นไทยก็คงได้ประมาณ “สตูลแดนมหัศจรรย์” หรืออะไรทำนองนั้น
ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเมืองไทยวินาทีนี้ คนจะรู้จักและเข้าใจความหมายคำ “มหัศจรรย์” ซึ่งเป็นภาษาไทย(ที่หยิบยืมมาจากภาษาบาลี-สันสกฤตอีกที) ได้มากหรือน้อยกว่าคำ “วอนเดอร์” (Wonder)ในภาษาอังกฤษ(ภาษาหลักของบรรดาประเทศทุนจักรพรรดินิยมตะวันตก)
เพราะดูเหมือนทั้งเอกชนและราชการไทยยามนี้ล้วนแล้วแต่พยายาม(หรือนิยม)ใช้ภาษาต่างประเทศ(ภาษาอังกฤษยังเป็นหลัก) กันแล้วแทบทั้งสิ้น ทั้งนี้อาจเพื่อความสอดประสานกับความเป็นยุคโลก(ค้าขาย)ไร้พรมแดน(Globalization)หรืออะไรทำนองนั้นกระมัง(เรื่องจะเป็นเมืองไทยยุค 4.0 ตามความฝันเฟื่องของนายกฯลุงตู่หรือไม่นั้นคงจะเป็นอีกประเด็นหนึ่ง)
อันนี้จะลองสุ่มตัวอย่างดูแบบง่ายๆสักเรื่องสองเรื่องก็ได้ เรื่องแรก ลองเดินเข้าไปในชั้นเรียน ระดับอนุบาลหรือประถม(ที่ไหนก็ได้ ทั้งเขตเมืองและชนบท) แล้วลองถาม “ชื่อเล่น” (นิคเนม) ของนักเรียนเป็นรายคน ก็จะพบว่าเกินครึ่งของทุกชั้นเรียนเด็กๆทั้งผู้หญิงผู้ชายจะมีชื่อเล่นเป็นคำต่างด้าวทั้งสิ้น ถ้าไม่ใช่แบบตะวันตก(อังกฤษ/อเมริกัน/ฝรั่งเศส/เยอรมันฯลฯ)ก็จะเป็น “เอเชียทันสมัย” ไม่ว่าจะญี่ปุ่นหรือจีน หรือเกาหลีก็เถอะ!
เรื่องที่สอง ในฐานะนักท่องเที่ยวหรือนักอะไรก็แล้วแต่ เมื่อยามเดินตามสายถนนรนแคม(ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด) ลองเงยหน้าสังเกตุป้ายชื่อร้านรวงหรือบริษัทต่างๆดูเถอะ ก็จะพบเห็นว่ามีน้อยนักที่จะมีชื่อกิจการเป็นชื่อภาษาไทย แทบทั้งหมดล้วนภาษาอังกฤษ จีน ญี่ปุ่น หรือเกาหลีแทบทั้งสิ้น
เรื่องนี้บอกอะไรเราบ้าง??
นอกจากจะบอกเราว่าในรอบ 7 ทศวรรษแห่ง “การพัฒนาประเทศไปสู่ความทันสมัย” ที่พ้นผ่านรัฐไทย(โดยคณะผู้ทรงอำนาจทางสังคมที่ก่อการเกาะกลุ่มในนาม “นักการเมือง” (และ “นักการทหาร”?) ขึ้นไปร่วมกัน “บริหารรัฐกิจ”โดยกำหนดนโยบายต่างๆผ่านทางระบบราชการและกฎหมายให้ราษฎรปฏิบัติตามในฐานะ “คนของรัฐ” (Citizen)ไม่เคยมีความสนใจหรือให้ความสำคัญต่อ “รากแก้วทางวัฒนธรรมของชาติ” คือเรื่องของภาษาไทยอย่างจริงจังเข้มข้นเลย !
“ภาษาไทย” ซึ่งเป็นมรดกทางอัตลักษณ์ของชาติที่สำคัญที่สุด จึงกำลังจะล่มสลายอยู่ต่อหน้าต่อตาในบัดนี้(มีนักการเมืองและบรรดาพิธีกรรายการทีวี.ในปัจจุบันสักกี่คนที่สามารถใช้ภาษา ไทยทั้งด้านการพูด การอ่าน และการเขียนได้อย่างมีคุณภาพ?)
ภาพสะท้อนจาก “เพลงแนะนำจังหวัด” ของจังหวัดสตูลที่ยกมาแต่เบื้องต้นเป็นภาพชี้ชัดในเรื่องได้ดียิ่ง ในอันที่จริง ถ้านายกฯลุงตู่ได้ยินเพลงนี้ ในฐานะนักแต่งเพลงและนักนิยมเพลง ท่านคงจะคิดเขียนเพลง “Wonderful Thailand” แข่งกับเพลง “สตูล วอนเดอร์แลนด์” เป็นแน่แท้รับรอง!
ส่วน “ไทยแลนก็แดนมหัศจรรย์” จะมหัศจรรย์อย่างไรบ้างนั้น คราวหน้าจะลองขี้ให้เห็นสักเรื่องสองเรื่อง เผื่อท่านนายกฯลุงตู่ของเราจะได้ไม่ต้องเสียเวลาคิดให้ปวดหมอง จะได้หยิบเอาไปใส่ในเนื้อเพลงได้เลย รายการพบประชนทางทีวีทุกย่ำค่ำวันศุกร์ของท่านจะได้มีเพลงใหม่ๆประกอบบ้าง !!!!