ในวันปลอดรถ หรือ Car Free Day ซึ่งตรงกับวันที่ 22 กันยายนของทุกปี จะมีการรณรงค์ให้ประชาชนลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล หันมาใช้รถขนส่งมวลชนและจักรยานเพิ่มขึ้นนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ของประเทศไทยที่กำลังเผชิญกับปัญหามลพิษทางอากาศและการใช้พลังงานอย่างสิ้นเปลือง

ประเทศไทยกำลังเผชิญกับวิกฤตฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากการจราจรในเมืองใหญ่ รวมถึงการเผาในที่โล่ง และโรงงานอุตสาหกรรม ฝุ่นเหล่านี้มีขนาดเล็กมากจนสามารถซึมเข้าสู่กระแสเลือดและส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจและหัวใจได้อย่างร้ายแรง ข้อมูลจากองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมชี้ให้เห็นว่าในแต่ละปีมีผู้เสียชีวิตจากมลพิษทางอากาศในประเทศนับหมื่นคน ซึ่งสูงกว่าอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนน การลดจำนวนรถยนต์จึงเป็นหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการลดการปล่อยไอเสียและมลพิษเหล่านี้

นอกจากปัญหาสุขภาพแล้ว การใช้รถยนต์ยังส่งผลกระทบต่อการใช้พลังงานของประเทศ ภาคการขนส่งเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิลมากที่สุด การหันมาใช้ทางเลือกอื่น เช่น จักรยาน หรือรถโดยสารสาธารณะ จึงเป็นมาตรการที่ช่วย ประหยัดพลังงาน และลดการพึ่งพาน้ำมันเชื้อเพลิงนำเข้า ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน รัฐบาลเองก็มีนโยบายส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) และเชื้อเพลิงชีวภาพ เพื่อลดการพึ่งพาน้ำมันและลดมลพิษจากไอเสียอย่างเป็นรูปธรรม

การร่วมกิจกรรมวันปลอดรถจึงไม่เพียงแต่ช่วยลดปัญหามลพิษและการประหยัดพลังงานในระยะสั้น แต่ยังเป็นการสร้างความตระหนักรู้และเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการเดินทางของผู้คนในระยะยาวด้วย หากเราทุกคนพร้อมใจกันลดการใช้รถส่วนตัวแม้เพียงวันเดียว ก็สามารถสร้างความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ได้