รักหลอกลงทุน - จิตวิทยาเบื้องหลังกลโกง

มีข้อมูลในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีคดีที่เกี่ยวข้องกับ Romance Scam หรือ "กลรักออนไลน์" มากกว่า 3,000 คดี สร้างความเสียหายรวมกว่า 1,000 ล้านบาทในยุคดิจิทัลที่การสื่อสารไร้พรมแดน อาชญากรรมทางไซเบอร์ได้วิวัฒนาการไปอย่างซับซ้อน หนึ่งในรูปแบบที่สร้างความเสียหายทั้งทางการเงินและจิตใจมากที่สุดคือ "Hybrid Scam" หรือที่รู้จักกันในชื่อ "รักหลอกลงทุน" กลโกงนี้ไม่ได้เพียงแค่หลอกให้รัก แต่ยังผสมผสานกับการชักชวนให้ลงทุนในแพลตฟอร์มปลอม ทำให้เหยื่อสูญเสียทรัพย์สินมหาศาล

นักจิตวิทยาได้วิเคราะห์กลโกงนี้และพบว่ามิจฉาชีพใช้เทคนิคทางจิตวิทยาอย่างแยบยล โดยเริ่มจากการสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น (Grooming) มิจฉาชีพจะใช้เวลาในการทำความรู้จักกับเหยื่อ สร้างภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือและดูดี มีฐานะทางการเงินที่ดี และมีความเข้าใจในตัวเหยื่อเป็นอย่างดี พวกเขาจะใช้คำพูดที่สร้างความรู้สึกผูกพันและเป็นห่วงเป็นใย เพื่อให้เหยื่อรู้สึกว่าได้เจอ "คนที่ใช่" (The One)

เมื่อความสัมพันธ์เริ่มก่อตัว มิจฉาชีพจะเริ่มเปิดประเด็นเรื่องการลงทุน โดยอ้างว่าเป็น "โอกาสพิเศษ" ที่จะทำให้ชีวิตของทั้งคู่ดีขึ้น มิจฉาชีพจะแสดงให้เห็นถึงผลตอบแทนที่สูงและรวดเร็วจากแพลตฟอร์มการลงทุนที่สร้างขึ้นมาอย่างแนบเนียน และจะค่อยๆ ชักจูงให้เหยื่อลงทุนในจำนวนที่มากขึ้นเรื่อยๆ โดยอ้างว่า "ถ้าอยากได้ผลตอบแทนที่มากขึ้น ก็ต้องลงทุนเพิ่ม"

แรงจูงใจที่สำคัญที่ทำให้เหยื่อหลงเชื่อคือ "ความอยากได้อยากมี" และ "ความหวังในอนาคตที่ดีร่วมกัน" มิจฉาชีพจะใช้ความรู้สึกเหล่านี้เป็นเครื่องมือในการควบคุมจิตใจของเหยื่อ และเมื่อเหยื่อต้องการถอนเงิน มิจฉาชีพจะใช้เทคนิคการ "ขู่กรรโชก" หรือ "การสร้างความกดดัน" เพื่อให้เหยื่อยอมทำตาม และในท้ายที่สุดเมื่อเหยื่อตระหนักได้ว่าตนเองถูกหลอก ความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่ได้มีเพียงแค่ทรัพย์สิน แต่ยังรวมถึงความบอบช้ำทางจิตใจ ความรู้สึกผิด ความอับอาย และความไม่เชื่อมั่นในผู้อื่นอีกด้วย

จากข้อมูลของ Federal Bureau of Investigation (FBI) ระบุว่า Romance Scam (ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของ Hybrid Scam) สร้างความเสียหายหลายพันล้านดอลลาร์ในแต่ละปีในสหรัฐอเมริกา และผลการศึกษาของสมาคมนักจิตวิทยาอเมริกัน (American Psychological Association) ชี้ให้เห็นว่าเหยื่อของกลโกงประเภทนี้มีแนวโน้มที่จะประสบปัญหาทางสุขภาพจิต เช่น ภาวะซึมเศร้า และความวิตกกังวลสูงกว่าคนทั่วไป

การป้องกันที่ดีที่สุดคือการสร้างความตระหนักรู้และเข้าใจในกลไกทางจิตวิทยาของมิจฉาชีพ ควรตั้งข้อสังเกตหากใครบางคนที่เพิ่งรู้จักกันมาอ้างถึงโอกาสการลงทุนที่ดูดีเกินจริง หรือเริ่มมีการขอเงินเพื่อนำไปลงทุน ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาแนะนำว่า “หากความสัมพันธ์เริ่มต้นด้วยความรัก แต่จบลงด้วยเรื่องเงิน จงสงสัยไว้ก่อน” และควรตรวจสอบข้อมูลของบุคคลและแพลตฟอร์มการลงทุนอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจใดๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ตนเองตกเป็นเหยื่อของกลโกงที่แฝงมาในคราบของความรักนี้