รศ.ดร.สุขุม เฉลยทรัพย์
ที่ปรึกษาอธิการบดีมหาวิทยาลัยสวนดุสิต
“ผลงานเด่น” ของมหาวิทยาลัยเป็นสัญลักษณ์เชิดชูตาทางวิชาการ และเป็นสิ่งที่พิสูจน์ว่ามหาวิทยาลัยตอบแทนต่อผู้คน ชุมชน และโลกได้จริงเพียงใด การมีผลงานที่สร้างผลกระทบในวงกว้าง เป็นเหมือนดัชนีชี้วัดว่า มหาวิทยาลัยไม่ได้หยุดอยู่แค่ “หอคอยงาช้าง” แต่มหาวิทยาลัยได้ก้าวลงมาสู่ “ดิน” เพื่อยืนเคียงข้างประชาชน การสร้างผลงานเด่นของมหาวิทยาลัยยังถือเป็นการยืนยันความชอบธรรมของมหาวิทยาลัยในยุคที่สังคมตั้งคำถามกับสถาบันต่าง ๆ อย่างเข้มข้น
สำหรับตัวอย่างผลงานเด่นของมหาวิทยาลัยไทยที่สร้างผลกระทบสูง เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พยายามสร้างผลงานรับใช้สังคม โดยหนึ่งในผลงานล่าสุดคือการพัฒนา วัคซีนไอกรนรุ่นใหม่ เพื่อลดการระบาดในทารกและหญิงตั้งครรภ์ แม้จะยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา แต่ก็นับเป็นความพยายามที่สะท้อนให้เห็นว่า จุฬาฯ ไม่ยอมปล่อยให้ประชาชนต้องรอเทคโนโลยีจากต่างประเทศอย่างเดียว นอกจากนี้ จุฬาฯ ยังมีโครงการ CU Social Innovation Hub ที่ทำหน้าที่บ่มเพาะงานวิจัยและนวัตกรรมให้ออกมาเป็นธุรกิจเพื่อสังคมที่นอกจากสร้างผู้ประกอบการแล้วยังสร้างคนที่มุ่งแก้ปัญหาให้กับชุมชน
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นสถาบันที่ก้าวออกมารับใช้สังคมอย่างเป็นรูปธรรม ผลงานที่ทำให้ธรรมศาสตร์โดดเด่นในเวทีโลกคือการได้ อันดับ 1 ของไทย และอันดับ 4 ของโลก ใน THE Impact Rankings ด้าน SDG 16 ซึ่งเป็นตัวชี้วัดด้านสันติภาพ ความยุติธรรม และสถาบันที่เข้มแข็ง (Peace Justice and Strong Institution) ความสำเร็จสะท้อนว่ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ไม่ได้เป็นเพียงผู้สอนวิชากฎหมายหรือรัฐศาสตร์เท่านั้น แต่ยังมีส่วนร่วมจริงในการผลักดันให้เกิดสังคมที่โปร่งใสและยุติธรรม
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มีผลงานรับใช้สังคมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการบุกเบิกและพัฒนาโรงเรียนสาธิต ซึ่งถือเป็นแห่งแรกของประเทศไทย และยังคงเป็นแบบอย่างของการจัดการศึกษาที่มีคุณภาพสูงมาจนถึงปัจจุบัน โรงเรียนสาธิต มศว ทำหน้าที่เป็นแหล่งฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู และเป็นพื้นที่ทดลองนวัตกรรมการเรียนรู้ที่นำไปขยายผลสู่ระบบการศึกษาไทยในวงกว้าง ความโดดเด่นอีกประการของโรงเรียนสาธิต มศว คือการพัฒนา หลักสูตรนานาชาติ ที่มุ่งสร้างผู้เรียนให้มีความสามารถด้านภาษาอังกฤษ การคิดวิเคราะห์ และความเข้าใจวัฒนธรรมสากล ซึ่งช่วยยกระดับมาตรฐานการศึกษาของไทยให้เชื่อมโยงกับเวทีโลก
ด้าน มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ก็มี “ผลงานเด่น” เชื่อมโยงวิชาการกับการพัฒนาสังคม โดยมี 2 กรณีตัวอย่าง ได้แก่ Super Food by Home Bakery : ท๊อฟฟี่เค้กน้ำผึ้งไข่ผำ โดยบูรณาการความรู้ด้านโภชนาการ วิทยาศาสตร์การอาหาร และศิลปะการทำเบเกอรี่เข้าด้วยกัน เพื่อสร้าง “ท๊อฟฟี่เค้กน้ำผึ้งไข่ผำ” ซึ่งเป็น Functional Bakery ผลงานนี้ได้รับรางวัลเหรียญทองและ Special Prize จากเวที 2024 Kaohsiung International Invention and Design EXPO ที่ประเทศไต้หวัน สามารถต่อยอดเชิงพาณิชย์ทำรายได้ไม่น้อยกว่า 1 ล้านบาทต่อปี และสร้างคุณค่าเชิงเศรษฐกิจแก่เกษตรกรผู้เลี้ยงไข่ผำ ผู้ปลูกเม็ดมะม่วงหิมพานต์ และผู้เลี้ยงผึ้งในชุมชน ส่วนโครงการ La-or NEXT : จากโรงเรียนสองภาษา สู่ Learning Ecosystem ของโรงเรียนสาธิตละอออุทิศ ได้พัฒนานวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ที่ผสานแนวคิดการศึกษาสมัยใหม่ (Montessori, Brain-Based Learning, Transdisciplinary Learning) กับบริบทของเด็กไทย เพื่อสร้างสมรรถนะศตวรรษที่ 21 เช่น ความมั่นใจ การคิดวิเคราะห์ การทำงานร่วมกัน และความคิดสร้างสรรค์ ทำให้เด็กอนุบาลสามารถบรรลุมาตรฐานภาษาอังกฤษระดับ CEFR ไม่ต่ำกว่า Pre-A1 ซึ่งผลงานนี้ช่วยยกระดับบทบาทโรงเรียนสาธิตละอออุทิศให้เป็น “ต้นแบบห้องเรียนเชิงระบบ” สามารถขยายผลสู่โรงเรียนอื่นได้ทันที
ในระดับนานาชาติก็พบตัวอย่างที่ชัดเจนเช่นกันว่า มหาวิทยาลัยคือฟันเฟืองที่ทำให้โลกหมุนไปข้างหน้า เช่น Tufts University ในสหรัฐอเมริกา มีศูนย์วิจัย Human Nutrition Research Center on Aging ที่มุ่งเน้นศึกษาอาหารและโภชนาการเพื่อผู้สูงอายุ ผลงานของศูนย์นี้ไม่ได้หยุดอยู่ที่งานวิชาการ แต่นำไปใช้ในการกำหนดนโยบายโภชนาการระดับประเทศ สังคมได้แนวทางอาหารที่ช่วยป้องกันโรค ลดภาระสาธารณสุข และยืดอายุให้ผู้สูงวัยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
University of Oxford ในอังกฤษ โดดเด่นด้านการคิดค้นวัคซีน เคยสร้างชื่อจากการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 และในปี 2025 ได้ร่วมมือกับ GSK (GSK–Oxford Cancer Immuno-Prevention Programme) ลงทุนกว่า 50 ล้านปอนด์เพื่อพัฒนา วัคซีนป้องกันมะเร็ง ความพยายามนี้เป็นการเปลี่ยนมุมมองของโลกจากการรักษาไปสู่การป้องกัน หากสำเร็จจริงเท่ากับเป็นการปฏิวัติด้านสาธารณสุข และเป็นการส่งมอบความหวังใหม่ให้กับผู้คนนับล้าน
National University of Singapore (NUS) ก็แสดงบทบาทเด่นชัดด้านสิ่งแวดล้อม ด้วยการพัฒนา แผงโซลาร์เซลล์ perovskite–organic tandem ที่ทำลายสถิติประสิทธิภาพระดับโลก และตีพิมพ์ในวารสาร Nature ความก้าวหน้านี้สำคัญต่อวงการวิทยาศาสตร์ และเป็นการตอบคำถามใหญ่ของมนุษยชาติว่า เราจะอยู่รอดโดยไม่ทำลายโลกได้อย่างไร?
นอกจากชื่อเสียงที่ได้รับแล้ว มหาวิทยาลัยที่มีผลงานเด่นยังช่วยยกระดับชีวิตของผู้คน สร้างคุณูปการให้สังคม และส่งมอบความหวังให้พลเมืองทั้งโลก ซึ่งคำถามสำคัญที่สังคมควรถามมหาวิทยาลัยไม่ใช่ว่า “มหาวิทยาลัยท่านได้อันดับที่เท่าไรในโลก” แต่ควรถามว่า “มหาวิทยาลัยท่านได้ทำอะไรให้กับสังคมและโลกแล้วบ้าง?” เพราะสุดท้ายแล้ว มหาวิทยาลัยไม่ได้ถูกจดจำจากตำแหน่งในตารางจัดอันดับ แต่มหาวิทยาลัยจะถูกจดจำจากสิ่งที่ได้ทำเพื่อให้โลกใบนี้ดีขึ้นครับ