เกมการเมืองเดินไปไกล ถึงขั้นกาง “แผนสอง” สำหรับเอาไว้หาก วันนี้ 29 สิงหาคม ไม่มี “ข่าวดี” จาก “ศาลรัฐธรรมนูญ” ด้วยการออกคำวินิจฉัย ให้ “แพทองธาร ชินวัตร” สิ้นสุดจากความเป็นรัฐมนตรี อันเนื่องมาจากคดีคลิปเสียง
แม้เบื้องหน้า จะมีความเคลื่อนไหว คึกคักและเต็มไปด้วย “ความหวัง” จากสมาชิกพรรคเพื่อไทย ตลอดจน รัฐมนตรีของพรรค ด้วยมั่นใจว่า นายกฯแพทองธาร จะได้กลับมาปฏิบัติหน้าที่ “สร.1” กันต่อ ทั้งการยกพล ตบเท้าเข้าทำเนียบรัฐบาล ในวันนี้เพื่อไปให้กำลังใจ “ผู้นำพรรค” กันถึงที่
หรือแม้แต่การ “ปล่อยข่าว” ผ่านสื่อกันสะพัดถึง “ตัวเลข” มติศาลรัฐธรรมนูญ ที่จะออกมาในทิศทางที่เป็น “บวก” ต่อนายกฯแพทองธาร ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น 7 ต่อ 2 หรือ 6 ต่อ 3 ชี้ว่านายกฯแพทองธาร ไม่มีความผิด
และผลจากข่าวลือที่ออกมาจากฝั่งพรรคเพื่อไทย ยังทำให้ “ฝั่งตรงข้าม” ที่ประกาศจุดยืน “ไม่เอาระบอบทักษิณ” พากันแสดงความวิตกกังวล และ มองกันไปไกลถึงขั้นที่ว่า หากนายกฯแพทองธาร รอด ประเทศไทยอาจจะไม่รอด เสียเอง
การความหวังของสมาชิกพรรคเพื่อไทย กับ “คำวินิจฉัย” ของศาลรัฐธรรมนูญ ที่เคยวินิจฉัยกรณี “เศรษฐา ทวีสิน” อดีตนายกฯ ในข้อหา เดียวกันคือ ความซื่อสัตย์ สุจริตเป็นที่ประจักษ์ นั้นการตีความเป็นไปอย่างกว้าง ด้วยเหตุนี้ อะไรๆจึงเกิดขึ้นได้
ความเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทย เพื่อเตรียมรับมือในกรณีที่สถานการณ์เลวร้าย หากนายกฯแพทองธาร ต้องหลุดจากเก้าอี้ขึ้นมาจริงๆ การตรึงเอาชื่อ “ชัยเกษม นิติสิริ” แคนดิเดตนายกฯคนสุดท้ายของพรรค เพื่อรับไม้ต่อ คือภารกิจที่ต้องร่วมกันขยับให้ “สุดแรง”
จากนั้นการส่งชื่อชัยเกษม เข้าสภาฯเพื่อให้สมาชิกในสภาฯลงมติ โดยต้องได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของสส.ที่มีอยู่ในสภาฯ จะต้อง “วางกรอบ” กำหนดกันให้ชัด
ทั้งหลายทั้งปวง เพื่อไม่ให้เกิดภาวะ “แทรกซ้อน” ทั้งการที่ “ฝ่ายตรงข้าม” โดยเฉพาะ พรรคภูมิใจไทย พร้อมที่จะส่ง “อนุทิน ชาญวีรกูล” สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย จะเข้าชิง เพราะอย่าลืมว่า ในบัญชีรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ ใช่ว่า พรรคเพื่อไทย จะมีชัยเกษม เพียงคนเดียว
นอกเหนือไปจากการชูชื่อ ชัยเกษม ลงชิงแล้ว อย่าลืมว่า ภารกิจการ กวาดสส.เสียงข้างมากในสภาฯ เพื่อเตรียมเอาไว้โหวต ให้ชัยเกษม ยังต้องช่วงชิงกับ พรรคฝ่ายค้าน ทั้งพรรคภูมิใจไทย พลังประชารัฐ ที่ “ยังหวัง” สู้กลับ โดยอยู่ที่ว่า พรรคประชาชน จะเทเสียงสวิงไปให้สานฝันของอนุทิน และ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เพื่อกลับมา “เอาคืน” พรรคเพื่อไทย ได้หรือไม่ !?