“แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี และรมว.วัฒนธรรม ยังอยู่ในห้วงที่ต้องรอลุ้นว่า จะได้ไปต่อ หรือ “พอแค่นี้” เมื่อศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัย “คดีคลิปเสียง” 29 สิงหาคมนี้
ไม่เพียงแต่ตัวนายกฯอิ๊งค์ เท่านั้นต้องระทึก แต่งานนี้บรรดาสส.พรรคเพื่อไทย ไปจนถึง ครม.ด้วยกันเอง ยังต้องรอฟังว่า นอกจากศาลรัฐธรรมนูญ จะมี “มติ” ออกมาอย่างใดอย่างหนึ่งแล้ว สิ่งที่จะตามมาคือ ศาลจะมี “คำสั่ง” เพิ่มเติมหรือไม่
แต่ดูเหมือนว่ายังไม่ทันที่ สถานการณ์จะไปถึงวันพิพากษา 29 สิงหา “ฝั่งตรงข้าม” เดินหน้าเปิดแผนรอเขย่ากันต่อ !
เมื่อ “ฝ่ายแค้น” อย่าง “พรรคภูมิใจไทย” พรรคฝ่ายค้าน ประกาศแล้วว่า พร้อมยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ต่อทันที หาก วันที่ 29 ส.ค.นี้ ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัย ให้นายกฯอิ๊งค์ รอดจากคดีคลิปเสียง ครั้งนี้ ไปได้จริง
“แนน บุณย์ธิดา สมชัย” สส. อุบลราชธานี ในฐานะโฆษกพรรคภูมิใจไทย ระบุว่า เชื่อว่าทุกพรรคการเมืองต่างให้ความสนใจอย่างใกล้ชิด ในมุมของการทำหน้าที่ของสภาผู้แทนราษฎร ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลยังคงทำหน้าที่ได้ตามปกติ แต่หากคำวินิจฉัยออกมาแล้วส่งผลกระทบต่อฝ่ายบริหารก็อาจมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้
“หากนายกรัฐมนตรีรอดจากคดีนี้ พรรคภูมิใจไทยยังคงยืนยันที่จะยื่นญัตติอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามมาตรา 152 และญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 ต่อไปอย่างแน่นอน" (26 ส.ค.68)
ขณะที่ฟากพรรคภูมิใจไทย เตรียมลับดาบ เอาไว้รอ ปรากฏว่า “โจทก์เก่า” อย่าง สมชาย แสวงการ อดีตสว. นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ ,คมสันต์ โพธิ์คง รองคณบดีฝ่ายวิชาการ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต และ “ทนายนกเขา” นิติธร ล้ำเหลือ ทนายความได้ร่วมกันไปยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อวันที่ 26 ส.ค.
เพื่อขอให้ไต่สวนข้อเท็จจริง ชี้มูลความผิดและดำเนินคดีอาญา กับ นายกฯแพทองธาร ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ เพื่อใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือการปฏิบัติหรือการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต หรือทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ หรือกระทำผิดฐานอื่นในอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. กรณีคลิปเสียง
เท่ากับว่า กรณีคลิปเสียงร้อนๆ นอกจาก “36สว.” ได้ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่าผิดจริยธรรมร้ายแรง หรือไม่แล้ว อีกด้านหนึ่ง ยังมี กฎหมายป.ป.ช.ที่ยังรออยู่ โดยคำร้องที่กลุ่มสมชาย ยื่นครั้งนี้เป็นเรื่องของ คดีอาญา และความผิดต่อรัฐธรรมนูญ
โดยสมชาย ได้แจงว่า ไม่ว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 29 ส.ค.นี้จะออกมาอย่างไร ก็ไม่ได้ลบล้าง การยื่นคำร้องของกลุ่มตนเองในครั้งนี้ เนื่องจากเส้นทางที่คำร้องที่ยื่นให้ป.ป.ช.ไต่สวนข้อเท็จจริง จะมี “ปลายทาง” อยู่ที่ “ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง”
เท่ากับว่า สภาพการณ์ของนายกฯแพทองธาร ณ เวลานี้ หากรอดจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ 29 ส.ค.นี้ เจ้าตัวก็ยังไม่พ้นจาก “ความเสี่ยงสูง” อยู่ดี !