ร้อยเอก ดร.จารุพล เรืองสุวรรณ

ผู้อำนวยการหลักสูตรมหาบัณฑิต

คณะการทูตการต่างประเทศ มหาวิทยาลัยรังสิต

ผมได้มีโอกาสศึกษาประวัติศาสตร์ของมนุษย์ และได้พบว่า ในช่วงต่างๆของประวัติศาสตร์ มนุษย์เราจะมีปัจจัยสำคัญทางเศรษฐกิจที่แตกต่างกันครับ แต่สิ่งที่เหมือนกันคือปัจจัยทางเศรษฐกิจเหล่านี้ มีความสำคัญอย่างมากและสามารถแปรเปลี่ยนเป็นพลังอำนาจของชาติได้อย่างมหาศาล วันนี้เลยจะพาทุกท่านย้อนกลับไปในอดีต ไปทำความรู้จักกับ “เกลือ” และบทบาทของมันในเชิงอำนาจครับ

“เกลือ” อาจเป็นเพียงเครื่องปรุงที่ดูธรรมดาและไร้ราคาใช้ไหมครับ มันอยู่ในครัวทุกครัว และเราก็ใช้มันอย่างไม่จำเป็นต้องประหยัด แต่ทุกท่านทราบไหมครับว่าในอดีตนั้น ความสำคัญของเกลือมีความแตกต่างจากในปัจจุบันอย่างมหาศาล

ในสมัยโบราณนั้น “เกลือ = ความอยู่รอด” ครับ เพราะในสมัยนั้นเกลือมีความสำคัญในการถนอมอาหาร เป็นสิ่งที่ทำให้มนุษย์เก็บอาหารไว้ได้นานขึ้น เกลือจึงเป็นอีกหนึ่งทรัพยากรสำคัญทั้งในชีวิตประจำวันของคน และแน่นอนว่าในทางการทหารด้วยเช่นกัน ใครมีเกลือมากก็เอาเกลือมาใช้ได้มาก ยาวนาน และสามารถนำไปแลกเปลี่ยนเป็นทรัพยากรอื่นๆได้ จึงเรียกได้ว่า เกลือเป็นหนึ่งในปัจจัยทางเศรษฐกิจและการเมืองและเป็นตัวแปรของอำนาจได้เลยทีเดียว

ยกตัวอย่างเช่น ออสเตรียในสมัยโบราณ โดยเฉพาะพื้นที่ที่เรียกว่า Salzburg และเหมืองเกลือภูเขาอย่าง Hallstattt ที่กลายเป็นแหล่งอารยธรรมโบราณ เป็นจุดศูนย์กลางความเจริญและวัฒนธรรมในอดีต เพราะมีเกลือมากมายมหาศาล จนนำมาซึ่งความมั่งคั่งเหนือเมืองอื่นๆ เพราะเกลือนั้นยุคนั้น มีค่าไม่ต่างจากทองคำที่สามารถนำมาใช้แทนเงินตรา

แม้แต่คำว่า Salary หรือเงินเดือน ก็มีรากศัพท์มาจากภาษาละตินว่า Salarium ที่แปลว่า “เกลือ” เพราะในอดีตทหารโรมันเคยได้รับค่าแรงบางส่วนในรูปแบบของเกลือ

นอกจากนี้ เกลือยังมีบทบาททางการเมืองที่สำคัญด้วยเช่นกัน เช่น ในกรณีของ Salt march ของมหาตมะ คานธี ในปี 1930 ที่ประชาชนอินเดียเดินเท้ากว่า 240 ไมล์ไปผลิตเกลือเองเพื่อต่อต้านการผูกขาดและภาษีเกลือของอังกฤษ จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้เพื่อเอกราช และเป็นการประกาศว่า อิสรภาพอยู่ในมือประชาชนคนอินเดีย เช่นเดียวกัน ในฝรั่งเศสในศตวรรษที่ 18 ก็ได้เกิดการเก็บภาษีเกลือของกษัตริย์ ซึ่งภายหลังได้กลายเป็นชนวนเหตุให้ประชาชนลุกฮือขึ้น และนำไปสู่การปฏิวัติฝรั่งเศส เป็นต้น

ในอดีต จึงกล่าวได้ว่า “เกลือ” เป็นทรัพยากรสำคัญ “ใครมีมาก คนนั้นก็มั่งคั่ง และ มีอำนาจ”

ลองคิดกันต่อครับ ว่าแล้วในยุคปัจจุบันล่ะ อะไรที่มีความสำคัญเหมือนเกลือในอดีต ? อะไรที่ใครมีมาก คนนั้นจะมั่งคั่ง และมีอำนาจ?

เมื่อเข้าสู่ศตวรรษที่ 20 สิ่งที่มีความสำคัญเสมือนเกลือในอดีต ก็น่าจะหนีไม่พ้น “น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ” ที่กลายเป็นรากฐานของเศรษฐกิจโลก ใครควบคุมน้ำมันได้ ก็ควบคุมโลกได้ รวมไปจนถึงแร่หายาก เช่น ลิเทียม โคบอลต์ และอื่นๆที่กลายเป็นส่วนสำคัญในการผลิตอาวุธ และการต่อยอดเทคโนโลยีอื่นๆ

เมื่อเข้าสู่ศตรวรรษที่ 21 เทคโนโลยีกลายเป็นปัจจัยสำคัญทางอำนาจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ใครคิดค้นเทคโนโลยีได้ก่อน มีประสิทธิภาพมากกว่า ก็จะได้เปรียบและครองอำนาจได้ ซึ่งสิ่งที่ดูแล้วจะเข้ามาแทนที่น้ำมันในยุคนี้ น่าจะเป็นสิ่งที่เรียกว่า “ข้อมูล” (Data) ที่ใครมีมาก ก็สามารถพัฒนาเทคโนโลยีได้มากและหลากหลาย และสามารถควบคุมเทคโนโลยีได้หลากหลายมิติทั้งด้านการคมนาคม การติดต่อสื่อสาร การทหาร ความมั่นคง รวมถึงด้านพลังงานอีกด้วย

ถ้าถามต่อว่าแล้วในอนาคตข้างหน้าล่ะ อะไรที่อาจกลายเป็นทรัพยากรสำคัญเสมือนกับ เกลือ หรือ น้ำมันในยุคก่อนหน้า?

อนาคตข้างหน้าเชื่อว่า โลกเป็นเรื่องของคอมพิวเตอร์และหุ่นยนต์ โดยมนุษย์เป็นผู้คุมอยู่เบื้องหลัง เช่น การสงครามก็น่าจะไปสู่จุดที่คอมพิวเตอร์และหุ่นยนต์สู้กันโดยมนุษย์อยู่เบื้องหลัง รวมไปจนถึงการต่อสู้แข่งขันกันทางธุรกิจและเศรษฐกิจ ดังนั้น เกลือในยุคหน้า อาจจะเป็นความสามารถในการพัฒนาระบบ ai การพัฒนาซอพต์แวร์ การพัฒนาพลังงานรูปแบบใหม่

แต่อย่างไรก็ดี ก็ยังจะมีอีกส่วนหนึ่งที่มนุษย์ควบคุมไม่ได้ นั่นคือ “ธรรมชาติ” โลกในอนาคตจึงอาจต้องประสบกับปัญหาการขาดแคลน “น้ำและอาหาร” เพราะน้ำสะอาดจะหายากขึ้นท่ามกลางโลกที่เปลี่ยนแปลงทั้งภูมิอากาศและจำนวนประชากร รวมไปจนถึงการผลิตอาหารที่พื้นที่ในการผลิตอาหารอาจลดลงสวนทางกับการเติบโตของเมือง

ในยุคอนาคต ใครมี ai พลังงานรูปแบบใหม่ และอาหาร อาจจะกลายเป็นผู้ที่มั่งคั่งและร่ำรวยก็เป็นได้

การศึกษาเรื่องเกลือ อย่างน้อยก็ทำให้ได้คิดว่า บางครั้ง “อำนาจที่ยิ่งใหญ่ อาจเริ่มจากสิ่งที่เล็กน้อยที่สุด” ก็เป็นได้