เสรี พงศ์พิศ

FB Seri Phongphit

แต่โบราณกาล “ภาษาเขียน” เป็นหนึ่งในนวัตกรรมยิ่งใหญ่ที่สุดที่เปลี่ยนเส้นทางอารยธรรมของมนุษย์ จากร่องรอยอักษรภาพบนผนังถ้ำ แผ่นหิน ดินเหนียว ไปจนถึงกระดาษและแท่นพิมพ์ ภาษาเขียนไม่เพียงแต่บันทึกเรื่องราว แต่ยังเป็นเครื่องมือส่งต่อความคิด ประสบการณ์ และความรู้จากรุ่นสู่รุ่น

เป็นการเก็บรักษาความทรงจำร่วมของมนุษยชาติ เช่น อักษรรูปลิ่มของชาวสุเมเรียนบนแผ่นดินเหนียว หรืออักษรอียิปต์โบราณบนกำแพงวิหาร เมื่อชาวจีนคิดค้นกระดาษขึ้นราวศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสตกาล การเขียนและการคัดลอกเอกสารกลายเป็นเรื่องง่ายขึ้น หนังสือ คัมภีร์ และงานเขียนหลากหลายชนิดจึงสามารถเผยแพร่ได้กว้างขวางและรวดเร็วขึ้น

การประดิษฐ์แท่นพิมพ์โดย โยฮันน์ กูเตนเบิร์ก ในศตวรรษที่ 15 ถือเป็นการปฏิวัติครั้งสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์การสื่อสาร จากเดิมที่หนังสือเล่มหนึ่งต้องใช้แรงงานนักคัดลอกเป็นเวลานาน การพิมพ์ทำให้ได้หนังสือครั้งละมาก ๆ และเข้าถึงผู้คนหลากชนชั้น ความรู้จึงแพร่กระจายอย่างกว้างขวาง เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาและวิทยาศาสตร์สมัยใหม่

สิ่งพิมพ์ส่งผลต่อการปฏิรูปศาสนา พระคัมภีร์ไบเบิลฉบับพิมพ์ทำให้ประชาชนทั่วไปไม่จำกัดแต่ในแวดวงนักบวช  เข้าถึง “สารจากพระเจ้า” ด้วยภาษาแม่ของตนเอง มาร์ติน ลูเธอร์ เผยแพร่ “95 ข้อโต้แย้ง” และอรรถาธิบายข้อความเชื่อ จนเกิดการปฏิรูปศาสนาและนิกายโปรเตสแตนต์

หนังสือและตำราวิชาการถูกผลิตซ้ำและกระจายอย่างกว้างขวาง เกิดการรู้หนังสือในหมู่คนทั่วไป ไม่จำกัดแต่แวดวงคนชั้นสูง นำไปสู่การสร้าง “สารานุกรม” เช่น Encyclopédie ของดีเดโรต์และดาลองแบร์ ซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์ของยุคเรืองปัญญา (Enlightenment)

สิ่งพิมพ์เผยแพร่แนวคิดเสรีภาพ ความเสมอภาค สิทธิพลเมือง นำไปสู่การก่อตัวของประชาธิปไตย สู่ การเมืองและสังคมใหม่ ข้อเขียนของนักปรัชญาการเมืองอย่างล็อก รูสโซ และมองเตสกิเออ ช่วยจุดประกายการปฏิวัติฝรั่งเศสและการเคลื่อนไหวประชาธิปไตยทั่วยุโรป

สิ่งพิมพ์พัฒนาจิตสำนึกและวรรณกรรม ผลงานวรรณกรรมอันยิ่งใหญ่ของเชกสเปียร์ เกอเต้ และกวีโรแมนติกอื่น ๆ สามารถแพร่ไปทั่ว ทำให้เกิด “อารมณ์ร่วม” ของสังคมยุโรป สิ่งพิมพ์กลายเป็นพลังสำคัญที่ผลักดันยุคโรแมนติก ยุคที่ให้ความสำคัญกับเสรีภาพ ความรู้สึกส่วนบุคคล และพลังสร้างสรรค์ของมนุษย์

เมื่อเข้าสู่ศตวรรษที่ 19–20 การเขียนด้วยมือและแท่นพิมพ์ถูกเสริมด้วยเครื่องพิมพ์ดีด ก่อนจะถูกแทนที่ด้วยคอมพิวเตอร์และโปรแกรมประมวลผลคำที่ทำให้การสร้างและแก้ไขเอกสารเป็นเรื่องง่ายขึ้น เร็วและสะดวก ทำให้ “การผลิตงานเขียน” กลายเป็นสิ่งที่ใคร ๆ ก็สามารถทำได้ ไม่จำกัดอยู่เฉพาะในสำนักพิมพ์หรือโรงพิมพ์เท่านั้น

การเปลี่ยนแบบหักโค่นและรวดเร็วเกิดขึ้นในศตวรรษที่ 21 ยุคของอินเทอร์เน็ต ดิจิทัล โซเชียลมีเดีย การอ่านข่าวสารและข้อมูลส่วนใหญ่ย้ายมาอยู่บน “หน้าจอ” จอเล็กจอใหญ่ ผู้คนเสพข่าวกันแบบ “เรียลไทม์” และแบ่งปันข้อมูลต่อกันได้อย่างรวดเร็ว

แต่กระนั้น หนังสือพิมพ์ไม่ได้ตาย หากเพียงแต่เปลี่ยนรูปแบบ สำนักข่าวต่างก็หันมาใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ พัฒนาเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน หรือแม้แต่สร้างคอนเทนต์ผ่านโซเชียลมีเดีย การปรับตัวนี้ไม่เพียงช่วยรักษาฐานผู้อ่าน แต่ยังเปิดโอกาสใหม่ ๆ ในการสื่อสารแบบสองทาง ที่ผู้อ่านไม่เพียงแค่รับ แต่ยังสามารถตอบ สนทนา และร่วมสร้างประเด็นได้

การเกิดขึ้นของหนังสือพิมพ์ในสังคมไทยเริ่มต้นจาก บางกอกรีคอร์เดอร์ ของหมอบรัดเลย์ในสมัยรัชกาลที่ 3–4 ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเผยแพร่ความรู้ ข่าวสาร และแนวคิดแบบสมัยใหม่แก่สังคมไทย

บางกอกรีคอร์เดอร์มิได้เป็นเพียงสื่อบอกข่าวเท่านั้น แต่ยังนำเสนอวิทยาการ ความรู้ทางการแพทย์ วิทยาศาสตร์ และแนวคิดการปกครอง ซึ่งช่วยให้ชนชั้นนำและปัญญาชนไทยได้เปิดโลกทัศน์กว้างขึ้น เป็นรากฐานของการใช้ “สื่อ” เพื่อเชื่อมโยงความรู้และความเปลี่ยนแปลงทางสังคม

บทบาทของหนังสือพิมพ์ไทยพัฒนาตามพลวัตทางการเมืองและสังคม จนถึงยุคหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 หนังสือพิมพ์ไม่ได้เป็นเพียงกระบอกเสียงของรัฐหรือชนชั้นนำ แต่กลายเป็นพื้นที่สำคัญในการแสดงความคิดเห็น วิพากษ์วิจารณ์ และเสนอทางเลือกต่อการพัฒนาประเทศ

หนึ่งในหนังสือพิมพ์ที่มีอิทธิพลมากที่สุดคือ สยามรัฐ ที่ก่อตั้งโดยหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช และ นายสละ ลิขิตกุล เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2493

สยามรัฐส่งเสริมประชาธิปไตย นิติรัฐ และหลักการเสรีภาพ ช่วยให้สังคมตื่นตัวทางการเมือง เปิดพื้นที่ให้นักคิด นักเขียน และปัญญาชนได้ร่วมกันสร้างบรรยากาศของการถกเถียงด้วยเหตุผล ความคิดสร้างสรรค์และสติปัญญา ทำให้ สยามรัฐ เป็นโรงเรียนการเมืองและความคิดเชิงวิพากษ์ของสังคมไทย

แม้ในปัจจุบันบทบาทของสื่อสิ่งพิมพ์แบบดั้งเดิมถูกท้าทายด้วยสื่อดิจิทัล แต่ สยามรัฐ ยังคงยืนหยัดในหลักการและอุดมการณ์ทางการเมืองและสังคม ยังเป็น “พื้นที่ของความรู้ ความจริง และการถกเถียง” เพื่อขับเคลื่อนสังคมไทยให้ก้าวไปข้างหน้า

จากแผ่นหินและดินเหนียว สู่กระดาษ แท่นพิมพ์ คอมพิวเตอร์ และโซเชียลมีเดีย วิวัฒนาการของภาษาเขียนสะท้อนให้เห็นว่า สื่อ เครื่องมืออาจเปลี่ยน แต่พลังของภาษาไม่เคยหายไป

เช่นเดียวกับที่แท่นพิมพ์เคยสร้างการปฏิวัติทางศาสนา ความรู้ และการเมืองในยุโรป โลกดิจิทัลกำลังสร้างการปฏิวัติทางการสื่อสารของโลกทั้งใบในยุคของเรา

หนังสือพิมพ์จึงไม่ตาย เพียงแต่เปลี่ยนรูปแบบ เพื่อดำรงอยู่ท่ามกลางสื่อใหม่ และยังคงทำหน้าที่เชื่อมโยงมนุษย์เข้าด้วยกัน สร้างสรรค์ จรรโลงสังคมอย่างไม่สิ้นสุด