ไม่ว่าใครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ก็คงต้องดำเนินบทบาทในท่วงทำนองที่ไม่แตกต่างกัน นั่นคือการทำหน้าที่เป็นเสมือน “ผนังทองแดง กำแพงเหล็ก” ให้กับ “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม
สิ่งที่คนของพรรคเพื่อไทย กำลัง “รับมือ” ก่อนไปถึงวันที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยคดีคลิปเสียงการสนทนาระหว่างนายกฯแพทองธาร กับ “ฮุน เซน” ประธานวุฒิสภากัมพูชา ในวันที่ 29 ส.ค.68นี้ อาจจะอยู่ที่ความเห็น การคาดการณ์ ตลอดจนประเมินแนวโน้ม “มติศาลรัฐธรรมนูญ” ที่จะออกมาในทางที่เป็น “ลบ” มากกว่า “บวก” จนกลายเป็นการ “ชี้นำ” เกิดเป็น “แรงกดดัน”
จนกลายเป็นว่า “การเมือง” กำลังกดดันไปยังการทำงานขององค์คณะตุลาการรัฐธรรมนูญ ก่อนถึงวันชี้ชะตา และหาก “ผล” ที่ออกมาไม่ตรงกับ “แนว” ที่ถูกประเมินเอาไว้ จะกลายเป็น “เงื่อนไข” ที่ทำให้ฝ่ายไม่เอา “ระบอบทักษิณ” เกิดความไม่พอใจ ตามมาหรือไม่
อย่างไรก็ดี ปัญหาที่หลายฝ่ายกำลังจับตาว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ หากออกมาในทางที่เป็น “โทษ” ต่อนายกฯแพทองธาร อาจยังไม่ได้มีผลเฉพาะ “สถานะ” ผู้นำรัฐบาล ของเธอเท่านั้น แต่ยังต้องรับฟังกันต่อไปด้วยว่า “คำสั่ง” ของศาลรัฐธรรมนูญ จะออกมาอย่างไร มีประเด็นใดที่ “ต้องปฏิบัติตาม” ต่อท้ายคำวินิจฉัยด้วยหรือไม่ ?
เพราะการตีความ ว่าด้วยจริยธรรม และความซื่อสัตย์ สุจริตเป็นที่ประจักษ์ นั้น เป็นประเด็นที่กว้างและยากที่จะประเมินว่าศาลฯจะเห็นเป็นอย่างไร แต่อย่างน้อยที่สุด เรื่องนี้ พรรคเพื่อไทย เคยได้ “บทเรียน”มาแล้วจากกรณี “เศรษฐา ทวีสิน” ที่ต้องหลุดจากเก้าอี้ อันเป็นผลมาจากการเสนอชื่อ “พิชิต ชื่นบาน” เป็นรัฐมนตรีฯ ทั้งที่พิชิต เป็นชื่อที่มาตาม “ใบสั่ง” จากเจ้าของบ้านพรรคเพื่อไทย แต่ผลลัพธ์มาอยู่ที่เศรษฐา
ปัญหาจากวันชี้ชะตา นายกฯแพทองธาร ว่าเธอจะได้ “ไปต่อ” หรือ “พ้นเก้าอี้” นั้น อาจะไม่ได้ “จบลง” ที่มติของศาลรัฐธรรมนูญ ในช่วงเย็นนัดอ่านคำวินิจฉัยเท่านั้น เพราะเวลานี้มีการมองกันไปไกลแล้วว่า ปัญหาของ “นายกฯอิ๊งค์” จะลุกลาม ไปถึงขั้น “สั่นคลอน” อำนาจต่อรองของ พรรคเพื่อไทย ในฐานะ “แกนนำรัฐบาล” ให้มีอันต้อง “ถดถอย” ลงไปตามมาหรือไม่
แม้ล่าสุด “ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” หัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ย้ำว่า หากวันที่ 29 ส.ค.นี้ คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ชี้ให้สถานการณ์ไปไกลถึงขั้น “เปลี่ยนนายกฯ” กันใหม่ พรรคประชาชน ยืนยันว่าพร้อมยกมือให้กับ “แคนดิเดตนายกฯ” ในบัญชีรายชื่อที่มีอยู่เดิม โดยที่จะไม่ขอร่วมรัฐบาล เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้
แน่นอนว่า สูตรของพรรคประชาชน อาจจะตรงใจกับพรรคเพื่อไทย เพราะนี่คือปฏิบัติการ “ขวาง” ไปจนถึงขั้นปิดทาง “นายกฯคนนอก” หรือแม้แต่ แคนดิเดตจากพรรคภูมิใจไทย ที่ยังมีชื่อ “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรค จ่อคิวอยู่
แต่เมื่อถึงช่วงจุดหักเลี้ยวทางการเมือง ขึ้นมา ปัญหาของนายกฯอิ๊งค์ บานปลายจนส่งผลให้ แม้แต่ชื่อ “ชัยเกษม นิติสิริ” ไปต่อได้ยาก อะไรๆก็ย่อมเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะฝ่ายที่เรียกร้องให้มีการ “เปลี่ยนม้ากลางศึก” เปลี่ยน แกนนำรัฐบาลใหม่ ที่ไม่ใช่พรรคเพื่อไทย เพื่อเร่งแก้ปัญหาข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา รวมถึงปัญหาเศรษฐกิจ ที่ส่อเค้าหนักหน่วงมากขึ้นทุกนาที