สถาพร ศรีสัจจัง
บุคคลในครอบครัว เครือญาติ และและเครือข่าย ของคุณทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ “วิบากกรรม” ตามทันและสนอง ‘อกุศลกรรม’ กันอย่างเห็นๆในชาตินี้ มีหลายคนและหลายลักษณะด้วยกัน
ในที่นี้จะลองยกตัวอย่าง “การต้องตกนรก” ของบางคน เฉพาะที่ถูกลงโทษโดยกฎหมายโดยตรงสักเพียงประการเดียว เพราะเป็นรูปธรรมที่สังคมได้รู้เห็นร่วม หรือได้รับรู้เชิงประจักษ์แบบ “เห็นๆ”
ส่วนที่ว่า “อกุศลกรรม” ซึ่งก่อไว้ แล้วถูก “กรรม” ตามสนองในรูปแบบอื่น เช่น ทุกข์ใจ เพราะถูกเกลียดชังจากมหาชน ก่อปัญหาต่างๆให้กับคนร่วมสกุล ต้องพลัดที่นาคาที่อยู่ พลัดบ้านพลัดเมืองไปอยู่ต่างแดน ต้องพลัดพรากจากคนอันเป็นที่รัก ต้องช้ำใจเพราะผู้ทำตัวเป็นลูกพี่ที่ยุยงให้ต่อสู้แทน ทิ้งๆขว้างๆไม่ดูแลหรือช่วยเหลือจริงยามตกยาก ฯลฯ นั้นจะไม่ขอพูดถึงในที่นี้
รายชื่อตัวอย่างต่อไปนี้คือบรรดา “บุคคลในครอบครัว เครือญาติ และเครือข่าย” ของคุณทักษิณ ชินวัตร ที่ถูก “ศาลไทย” พิพากษาให้ “รับกรรมในลักษณะใดลักษณะหนึ่ง (ส่วนใหญ่ติดคุก) ไปเรียบร้อยแล้ว (เอาเฉพาะ “รายชื่อ” ที่สำคัญๆ เช่น
1.นายวัฒนา เมืองสุข 2.นายชูชีพ หาญสวัสดิ์ 3.นายวิทยา เทียนทอง 4.นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี(หมอเลี้ยบ) อดีตรัฐมนตรีไอซีที (ถูกจำคุก 1 ปีคดีสัมปทานเอื้อประโยชน์บริษัทชินคอร์ปฯที่ตระกูลชินวัตรถือหุ้นใหญ่) 5.นายประชา มาลีนนท์(หนี)ถูกศาลสั่งจำคุก 12 ปี 6. นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ 7.นายภูมิ สาระผล 8.นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร(หนี) (คนนี้เป็นน้องสาวแท้ๆของนายทักษิณและมีตำแหน่งทรงเกียรติสูงส่งถึง “นายกรัฐมนตรี”) 9.นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร(เสี่ยเปี๋ยง) 10.นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง 11.นายจตุพร พรหมพันธ์ 12.นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ 13.นายวิโรจน์ นวลแข 14.ร.ท.สุชาย เชาว์วิศิษฎิ์ 15.นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ… จนถึงนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน(ไม่ติดคุกแต่หมดอนาคตทางการเมือง)ที่เคยครองตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร โควตาพรรคเพื่อไทยยุครัฐบาลปัจจุบัน ฯลฯ
นี่ยังไม่นับ “หัว” (เพราะพวกเขาต่อสู้ทางการเมืองแบบ “ถวายหัว”) ของบรรดา “นักสู้เสื้อแดง” หลายรายที่ต้องติดคุกเพราะ “เผาบ้านเผาเมือง” บ้าง กรณีย่อยๆอื่นๆอีกหลายเรื่องบ้าง
ทั้งนี้ล้วนเป็นไปเพื่อช่วงชิง “อำนาจทางการเมือง” ให้กับ “ท่านผู้นำ” ทั้งสิ้น!
กลับมาที่ “วิบากกรรม” ของ คุณทักษิณ ชินวัตร ที่ใครๆก็บอกว่ามี “กรรมใหญ่” ที่อาจต้อง “แก้กรรม” กันหนักหนาสาหัสสากรรจ์ทีเดียวเชียวแหละ ถ้าหวังจะให้ “พ้นกรรม”!
อย่างที่ได้กล่าวมาแล้วในช่วงก่อนว่า คุณทักษิณ หนีคุก(ศาลตัดสินลงโทษจำคุก โดยคดีถึงที่สุดแล้วรวม 3 คดีสำคัญ รวมเวลาที่ต้องติดคุกยาวถึง 8 ปี! (คดีที่ศาลลง 2 ปีหมดอายุความ)
แต่ทักษิณ ชินวัตร หนี!
หนีไปตั้งหลักปักฐานอยู่ในต่างประเทศแบบที่คนทั้งประเทศไทยล้วนรู้กันว่า “อยู่ที่ไหน” เพราะทักษิณใช้ช่องสื่อสารสมัยใหม่ส่งข่าวมาเมืองไทยเพื่อ “เคลื่อนไหวทางการเมือง” อยู่โดยตลอด แบบไม่ยี่หระแยแสต่อกฎหมายและผู้พิทักษ์กฎหมายทุกหน่วยงาน (แต่ตำรวจไทยไม่รู้? หรือรู้ แต่ไม่มีศักยภาพพอที่จะตามจับตัวมาลงโทษ แต่บางคนพูดทำนองว่า ก็…เขาฮั้วกัน!)
แล้วในวันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ.2566 คุณทักษิณก็บินกลับเข้าเมืองไทยด้วยเครื่องบินส่วนตัว แบบที่ใครก็รู้กัน เขาเหมือนจะเข้าไปนั่งเล่นอยู่ในคุกแบบ “แป๊บๆ” ( เหมือนเตรียมการกันไว้ก่อน?)
จากนั้นก็ได้รับการส่งตัวต่อไปยังโรงพยาบาลตำรวจในฐานะ “ผู้ป่วยวิกฤต” และ ไม่เคยกลับมาสู่คุกอีกเลยตั้งแต่วันนั้น จนได้รับการอภัยโทษและการปลดปล่อยตัวไป “ติดคุก” อยู่ที่บ้านจันทร์ส่องหล้าของตัวเอง!
“ไม่ติดคุกแม้สักวันเดียว” เหมือนที่เขาเคยให้สัมภาษณ์ไว้เมื่อก่อนหน้านั้นจริงๆ เหมือนกับเป็นศาสดาพยากรณ์หรือ“มนุษย์วิเศษ” ที่สามารถรู้อนาคตตัวเอง!
แล้ว “คดี” อื่นๆก็ตามมา ตั้งแต่คดี”ดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ “ตามมาตรา 112 ที่อัยการสั่งฟ้อง
ตามมาด้วยคดีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตื่นขึ้นรับพิจารณาไต่สวนข้อหาที่นายชาญชัย อิสระเสนา อดีตส.สพรรคประชาธิปัติยื่นฟ้องแบบ “ตามล้างตามเช็ด” อยู่ถึง 2-3 ครั้ง
แม้จะพิจารณาแล้วว่าคุณชาญชัยไม่มีสิทธิฟ้อง เพราะไม่ใช่คู่กรณี!
ผู้รู้หลายคนวิเคราะห์เรื่องนี้ว่า หากตีความตามตัวบทของเรื่อง เรื่องนี้น่าจะเป็นอำนาจหน้าที่ของป.ป.ช.
แต่ที่ศาลฎีกาฯรับไต่สวนครั้งนี้ คงอาจเป็นเพราะศาลเห็นว่า ป.ป.ช.ดูงงๆอยู่กับเรื่องนี้ และอาจพิจารณาเห็นด้วยว่า ตัวเองเป็นผู้มีส่วนได้เสียในเรื่องนี้โดยตรง เพราะเป็นผู้ออกคำสั่งให้จำคุก จึงน่าจะต้องไต่สวนให้ชัดเจน เพื่อ “ล้าง” ความค้างคาใจของหลายฝ่าย!
ส่วน“กรรม” จะติดจรวดให้คุณทักษิณได้เห็นผลแห่ง ‘อกุศลกรรม’ ว่าจะทำให้ตัวเองต้อง “ชีพจรลงเท้า” อีกครั้งหรือเปล่า(หนีออกนอกประเทศไปเร่ร่อนอยู่ต่างด้าวร่วมกับน้องสาวผู้เป็นอดีตนายกฯจากตระกูล “ชินวัตร” เช่นกัน) หรือจะสามารถ “ใช้เงินและอำนาจแก้กรรมได้” (เหมือนที่คนยุคนี้เขาเชื่อกัน?) หรือไม่อย่างไรนั้น ก็คงต้องรอการพิพากษาคดี 112 ของศาลในวันที่ 22 สิงหาคม นี้ และคดี “ชั้น 14” ที่ว่า “หนักหนาสากรรจ์” ก็น่าจะตามมาโดยเร็ว
เที่ยวนี้แหละ คนไทยอาจจะได้เห็นชัดๆว่า “พุทธวัจนะ” สัตว์โลกล้วนเป็นไปตามกรรม นั้นเป็น “สัจจะ” หรือไม่อย่างไร!!!