ทีมข่าวคิดลึก
เงื่อนไขและอุปสรรคสำหรับ "พรรคเพื่อไทย" ในความเป็นจริงแล้ว ดูเหมือนว่าจะไม่ได้อยู่ที่ "กฎกติกาใหม่" ที่ถูกเขียนเอาไว้ในร่างรัฐธรรมนูญ รวมทั้งในร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญเท่านั้น ทว่ายังมี "ปัจจัย" อื่นที่เป็นโจทย์ใหญ่ที่กำลังลดทอนพรรคเพื่อไทยจาก "แนวร่วม" ของพรรคเองที่จะกลาย เป็น "เนื้อร้าย" ฉุดรั้งและกลายเป็น "จุดอ่อน" ไปโดยปริยาย !
วันนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่า พรรคเพื่อไทยกำลังกลายเป็นพรรคการเมืองที่มีความสุ่มเสี่ยงที่จะโดนสกัดในสนามเลือกตั้งมากกว่าใครเพื่อน ยิ่งเมื่อหน้าตาเนื้อหาสาระของ "ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง" ปรากฏโฉมหน้าออกมา ยิ่งทำให้บรรดาแกนนำพรรคเพื่อไทยไม่อาจนิ่งเฉยอยู่ได้
เพราะไม่ว่าจะมองไปทางไหน พิจารณาประเด็นใดในร่าง พ.ร.ป.พรรคการเมือง ก็ล้วนแล้วแต่จะทำให้พรรคเพื่อไทยเสียเปรียบและสุ่มเสี่ยงที่จะถูกยุบพรรคไปจนถึงการลงโทษหนักไปถึง "บิ๊ก" ของพรรคอีกด้วยต่างหาก งานนี้ แม้ "พรรคประชาธิปัตย์" จะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเพื่อไทย ยังร้องโอดครวญไม่ต่างกัน
ทั้งนี้ยังน่าสนใจว่าสิ่งที่เป็นอุปสรรคขวากหนามสำหรับพรรคเพื่อไทยนั้น อาจไม่ใช่แค่เรื่องร่างรัฐธรรมนูญ และกฎหมายลูกที่อยู่ในกระบวนการเขียนโดยคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.)เท่านั้น หากแต่ยังต้องไม่ลืมว่า อีกหนึ่งความเคลื่อนไหวในทางการเมืองที่กำลังเผชิญหน้ากับ "กระบวนการยุติธรรม"เมื่อล่าสุดฝ่ายความมั่นคงเดินหน้าเอาจริงเอาจังกับการปราบปรามกับขบวนการหมิ่นสถาบันอย่างหนัก
โดยก่อนหน้านี้ "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ประสานไปยังทางการประเทศลาวเพื่อให้เข้มงวด จับตากลุ่มหมิ่นสถาบันที่เคลื่อนไหวอยู่ในประเทศลาว จนส่งผลให้มีแกนนำคนเสื้อแดงกลุ่มหมิ่นสถาบัน จนมีบางกลุ่มต้องปิดสถานีวิทยุ และเร้นตัวหายไปอยู่พักใหญ่
ความวิตกกังวลของแกนนำหลายคนในพรรคเพื่อไทยในเวลานี้จึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับประเด็นที่ว่าจะพอใจหรือไม่ยอมรับร่างรัฐธรรมนูญและกฎหมายลูกเท่านั้น หากแต่ตราบใดที่พรรคเพื่อไทย ยังไม่อาจ "สลัด" ความเชื่อมโยงกับ "แดงล้มเจ้า" ไปได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแล้วนั่นหมายความว่าสถานการณ์ของพรรคเพื่อไทยในช่วงของการเปลี่ยนผ่าน ทั้งช่วงเหตุบ้านการเมือง ยิ่งจะอยู่ในภาวะที่ยากลำบาก และสุ่มเสี่ยงไปทุกทาง !
แกนนำในพรรคเพื่อไทยฝ่ายที่ต้องการต่อสู้ในสนามเลือกตั้งเมื่อวันแห่งการประลองมาถึง ต่างคาดหมายว่าเมื่อถึงช่วงสำคัญ คนของพรรคเพื่อไทยจะสามารถเป็นฝ่ายกุมชัยชนะ เพราะวันนี้พวกเขายังมั่นใจว่าหากการเลือกตั้งมีขึ้นเร็วเท่าใด ยิ่งเป็น "โอกาส" ของพรรคเพื่อไทยมากเท่านั้น
แต่หากที่สุดแล้วพรรคเพื่อไทย ไม่อาจจำแนก ตัดความเชื่อมโยงระหว่างกลุ่มหมิ่นสถาบันที่ล้วนแล้วแต่เป็น "คนกันเอง" เคยเข้าร่วมชุมนุมเคลื่อนไหวทางการเมืองกับพรรคการเมืองในขั้วอำนาจของ "ทักษิณ ชินวัตร" มาแล้วหลายครั้งหลายครา หลากหลายเหตุการณ์
อย่างไรก็ดี ต้องไม่ลืมว่าข้อหาความผิดใน "มาตรา 112" ย่อมไม่ใช่แค่ประเด็นที่ถูกลงโทษตามบทบัญญัติของกฎหมายอาญาเท่านั้น หากแต่ "ผลกระทบ" ที่จะเกิดขึ้นตามมาสำหรับ "ใคร" ก็ตามที่กระทำการเข้าข่ายความผิดในข้อหาหมิ่นสถาบัน ย่อมได้รับกระทบไปแทบทุกทาง ทั้งในทางการเมือง สังคม ไปจนถึง "ที่ยืน" ในทางการเมือง ที่อาจจะสุ่มเสี่ยงและริบหรี่ !