หากรัฐบาล “เพื่อไทย” และ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม อยากอยู่ต่อ คงต้องออกแรง “พิสูจน์ตัวเอง” ด้วยกันหลายเรื่อง เพราะการบริหารนโยบายในท่ามกลางวิกฤตศรัทธา และความเชื่อมั่นจากประชาชน รวมทั้งในสถานการณ์การเมืองชายแดนไทย-กัมพูชา อยู่ในภาวะ “ไม่ปกติ”
เหตุการณ์ “ทหารไทย” เหยียบกับระเบิดที่ทหารกัมพูชาลอบมาฝังเอาไว้ ซึ่งพิสูจน์ตรวจสอบกันแล้วทางกองทัพยืนยันว่าเป็นของใหม่ โดยทหารไทยต้องเสียขาไปแล้วด้วยกันถึง 5 นาย ได้กลายเป็นความกดดัน และความคับข้องใจของพี่น้องประชาชนไม่น้อย
และยังดูเหมือนว่าบรรยากาศระหว่าง “กองทัพ” กับ “รัฐบาล” นั้นไม่สู้ดีนัก เชื่อว่าคนนอกเอง ก็สามารถ “จับอาการ” ได้ไม่ยาก !
การบริหารงานของรัฐบาลในภาวะวิกฤตของประเทศ เนื่องมาจากปัญหาการปะทะกันด้วยอาวุธ ระหว่างไทย-กัมพูชา และแม้จะมีการเจรจาตกลงหยุดยิงระหว่าสองประเทศ ที่ประเทศมาเลเซีย 7 ส.ค.68 ที่ผ่านมา แต่กลับยังพบว่า ฝ่ายกัมพูชาไม่ได้อยู่ในกติกาด้วยซ้ำ การลาดตระเวนของทหารไทย ยังคงเผชิญกับความสุ่มเสี่ยง จนนำมาสู่ทหารบาดเจ็บแล้วเสียขา รายที่ 5
ยิ่งทำให้แรงกดดันพุ่งไปยังรัฐบาล เรียกร้องให้รัฐบาลตอบโต้ ฟ้อง ICC ให้เดินหน้านำกัมพูชา ขณะที่กองทัพเองมีความชัดเจนว่า พร้อมตอบโต้โดยให้อยู่ในกรอบกติกา “การป้องกันตัวเอง” ตามมาตรา 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติ
ล่าสุดกลับมีความไม่ปกติเกิดขึ้น เมื่อ “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกฯและรมว.มหาดไทย ในฐานะรักษการนายกฯ ให้สัมภาษณ์ ยืนยันว่ารัฐบาลพร้อมสนับสนุนการทำงานของกองทัพภาคที่ 2 หากขาดเหลืออะไร ไม่จำเป็นต้องขอรับบริจาคผ่านทางเฟซบุก
จากนั้นไม่นานเพจของกองทัพภาคที่ 2 ขึ้นข้อความชี้แจงกรณีเปิดขอรับบริจาค ลวดหนามหีบเพลง ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 100 ซ.ม. เพื่อนำมาล้อมรั้ว ต่อมาหลังจากที่ภูมิธรรม ให้สัมภาษณ์ไม่นาน เพจกองทัพภาคที่ 2 ออกมาแจ้งว่าขอปิดรับการบริจาค เนื่องจากได้เพียงพอแล้ว
อย่างไรก็ดี ทางกองทัพบกได้ชี้แจงว่า ปัญหาเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับงบประมาณ ซึ่งมีเพียงพอ แต่ติดขัดในกระบวนการจัดซื้อตามกฎหมาย ต้องใช้ "เวลา" อย่างน้อย 1เดือน แต่ในสถานการณ์เช่นนี้กองทัพภาคที่ 2มีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องใช้ โดยเฉพาะ 4 จังหวัดชายแดน คืออุบลฯ-ศรีสะเกษ-สุรินทร์-บุรีรัมย์ จึงต้องขอรับการสนับสนุนจากประชาชน
ความอึมครึมที่กำลังดำเนินอยู่ในยามนี้อาจไม่ใช่เฉพาะเรื่องการเมืองอีกแล้ว แต่ในความเป็นจริง อาจมีมรสุมลูกใหญ่ที่รออยู่ !