หนึ่งในปัญหาโลกแตกของประเทศไทยคือ ปัญหาการจ่ายแป๊ะเจี๊ยะเพื่อให้ได้เข้าโรงเรียนที่ต้องการ ซึ่งมีความพยายามที่จะหาแนวทางป้องกันและแก้ไข กระทั่งปราบปรามกันแต่ปัญหาก็ยังคงอยู่ และไม่หมดไปจากประเทศไทยง่ายๆ
ทว่าในวันนี้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือป.ป.ช. ได้เสนอมาตรการป้องกันการทุจริตในการเรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์ตอบแทนเพื่อโอกาสในการเข้าเรียนในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เพื่อให้มีการปรับปรุงการปฏิบัติราชการหรือปราบปรามการทุจริตต่อหน้าที่ หรือการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ
ให้คณะรัฐมนตรีกำหนดมาตรการลดหย่อนหรือยกเว้นภาษี โดยมุ่งเน้นให้ผู้บริจาคเงินเพื่อการศึกษาให้กับโรงเรียนที่มิใช่โรงเรียนที่มีการแข่งขันสูงหรือโรงเรียนที่มีความขาดแคลนหรือด้อยโอกาสห่างไกลความเจริญ หรือโรงเรียนในถิ่นทุรกันดาร ได้รับสิทธิทางด้านภาษีมากกว่าปกติที่กำหนด ณ ปัจจุบัน โดยให้กระทรวงการคลัง กรมสรรพากร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณากำหนดแนวทางที่ชัดเจน
พร้อมกันนี้ยังเสนอให้สพฐ. พิจารณายกเลิกหลักเกณฑ์การรับนักเรียนกรณีนักเรียนที่มีเงื่อนไขพิเศษทั้ง 7 ข้อ เนื่องจากเป็นช่องทางสำคัญที่ก่อให้เกิดปัญหาการทุจริตในการเรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์ตอบแทน นอกจากนี้ ให้กำหนดวิธีการเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การคำนวณสัดส่วนการรับนักเรียน โดยมุ่งให้ความสำคัญกับการให้เด็กได้ศึกษาต่อยังสถานศึกษาใกล้บ้าน และทุกสถานศึกษาต้องดำเนินการแจ้งค่าใช้จ่ายและรายละเอียดการเก็บเงินบำรุงการศึกษาให้ผู้ปกครองนักเรียนได้รับทราบไว้โดยชัดเจน โดยจะเป็นมาตรการป้องกันมิให้มีการเรียกเก็บเงินบำรุงการศึกษาเกินอัตราที่กำหนด
รวมถึงให้มีการประกาศห้ามมิให้สถานศึกษาดำเนินการเอื้อประโยชน์โดยให้สิทธิพิเศษหรือโควตาแก่สมาคมผู้ปกครองและครู สมาคมศิษย์เก่า หรือสมาคมที่เกี่ยวเนื่องกับด้านการศึกษาของแต่ละสถานศึกษา ในลักษณะที่มีการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ในการฝากเด็กเข้าเรียนหรือในลักษณะการมีผลประโยชน์ต่างตอบแทน
นอกจากนี้ ป.ป.ช.ยังมีข้อเสนอต่อกระทรวงศึกษาธิการ ให้มีการสุ่มตรวจสอบรายได้ของสถานศึกษาทั้งก่อนและหลังช่วงเวลาการรับนักเรียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตรวจสอบเงินบริจาคของสถานศึกษาที่มีอัตราการแข่งขันสูงเป็นประจำทุกปี และเปิดเผยข้อมูลรายรับ – รายจ่ายของแต่ละสถานศึกษา ข้อมูลการรับเงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้บริจาคให้แก่ และลงโทษอย่างเคร่งครัดในกรณีที่สถานศึกษาหรือผู้มีอำนาจของสถานศึกษา ไม่ปฏิบัติตามระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการรับนักเรียนเข้าศึกษาต่อด้วย
หากคณะรัฐมนตรีสนับสนุนมาตรการดังกล่าวและสั่งการให้ทุกภาคส่วนพร้อมใจกันปฏิบัติตามข้อเสนอแนะของป.ป.ช. ก็เชื่อว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในระบบการศึกษาไทย และเราพร้อมสนับสนุนแนวทางดังกล่าวให้เป็นผลสำเร็จ