รอยยิ้มของ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ที่ส่งให้กับ ผู้สื่อข่าวก่อนเจ้าตัวออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปยังจ.ยโสธรและมุกดาหาร เพื่อลงพื้นที่ตรวจราชการ แทนคำตอบว่าที่สุดแล้วจะตัดสินใจทางการเมืองเช่นใด กำลังกลายเป็นประเด็นที่ทำให้หลายฝ่ายพากันจับสัญญาณ และความเชื่อมโยงระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ กับ “พรรคพลังประชารัฐ” ว่าจะเล่นเพลงในคีย์เดียวกันหรือไม่ ?!
ในระหว่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ ขอเวลาในการตัดสินใจว่าจะตอบรับเทียบเชิญจาก “พรรคพลังประชารัฐ” ด้วยการให้ชื่อไปเป็นนายกรัฐมนตรี หรือไม่ เพราะยังมีเวลาจนกว่าจะถึงวันที่ 8 ก.พ.นี้ ปรากฎว่าทางฝ่ายแกนนำพรรค อย่าง “อุตตม สาวนายน”หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เอง แสดงความเชื่อมั่นว่า พล.อ.ประยุทธ์ น่าจะตอบรับทัน พร้อมๆกับในรายของ “ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งอุตตม เปิดเผยว่าเขาได้เข้าพบกับดร.สมคิด เมื่อวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา พร้อมทั้งทำเอกสารเชิญเพื่อให้มาเป็นนายกฯในบัญชีของพลังประชารัฐ เช่นเดียวกันกับที่ได้ไปเชิญพล.อ.ประยุทธ์ ที่ทำเนียบฯที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี อุตตม ยังมั่นใจว่าพล.อ.ประยุทธ์ จะตอบรับ จึงไม่มีการเผื่อใจใดๆอีกทั้งผู้สมัครของพรรคต่างเตรียมที่จะขึ้นป้ายหาเสียงคู่กับพล.อ.ประยุทธ์ กันเรียบร้อยแล้ว !
การไม่ตอบรับเทียบเชิญของพล.อ.ประยุทธ์ ที่ส่งตรงมาจากพรรคพลังประชารัฐ นั้น กำลังถูกตั้งข้อสังเกตด้วยกันหลายทาง
ทั้งทางที่จะทำให้พรรคพลังประชารัฐ และตัวพล.อ.ประยุทธ์เองเป็นฝ่าย “ได้เปรียบ” ในสถานการณ์มากที่สุด ด้วยการยื้อเวลาให้อยู่ในเซฟตี้ โซนให้มากที่สุด แต่ในขณะเดียวกัน อาการลังเลของพล.อ.ประยุทธ์ ที่เปรยว่า “เผื่อใจ” หากไม่ได้เป็นนายกฯรอบสองต่อ กำลังสะท้อนให้เห็นถึง ปัญหาที่เกิดขึ้นภายในพรรคพลังประชารัฐเอง ในเรื่องของการวางตัวผู้สมัครส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ว่าพล.อ.ประยุทธ์ “ไม่ปลื้ม”
ไปจนถึงปัญหาที่วันนี้ “กระแส” ของพรรคพลังประชารัฐ ยังไม่ “แรง” มากพอที่จะทำให้พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศชัดเจนออกมาว่า จะเลือกทางไหน
อย่างไรก็ดี หากมองในอีกมุมหนึ่ง ยังจะพบว่าไม่เพียงแต่ พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่ตอบรับ คำเชิญจากพรรคพลังประชารัฐ เท่านั้น หากแต่พรรคสาขา อย่าง “ไทยรักษาชาติ” เองก็ยังไม่ได้ยื่นรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ แต่อย่างใด ในท่ามกลางกระแสข่าวที่สะพัดว่า ไทยรักษาชาติ เองก็กำลังประสบกับ “รอยร้าว”ที่เกิดจากความไม่เป็นเอกภาพของคนในพรรคด้วยกันเอง
แต่ถึงกระนั้นความไม่ชัดเจนที่พรรคไทยรักษาชาติ อาจกลายเป็น ปัจจัยในทางที่เป็นบวก ต่อขั้วพรรคเพื่อไทย ในฐานะ “พรรคหลัก” ของ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯในฐานะเจ้าของพรรคตัวจริง เช่นกัน เพราะอย่างน้อย ยิ่งทำให้พรรคคู่แข่งพากันรอดูว่า ไทยรักษาชาติ จะมีเซอร์ไพรซ์ หรือแผนการเล่นที่หวือหวา มากพอหรือไม่
ที่สุดแล้ว ภายใต้ความคลุมเครือ ความไม่ชัดเจน จากทั้งพล.อ.ประยุทธ์ และพรรคในขั้วเพื่อไทย อาจจะกลายเป็น “ประโยชน์” ไปโดยปริยาย !