รศ.ดร.สุขุม เฉลยทรัพย์
ที่ปรึกษาอธิการบดีมหาวิทยาลัยสวนดุสิต
การหยุดยิงในความหมายของกฎหมายระหว่างประเทศ คือข้อตกลงระหว่างคู่ขัดแย้งเพื่อระงับการใช้อาวุธ ไม่ว่าจะในช่วงเวลาชั่วคราวหรือถาวร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยุติความรุนแรง เปิดพื้นที่สำหรับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม หรือเป็นสะพานเชื่อมไปสู่การเจรจาสันติภาพ การหยุดยิงอาจเกิดขึ้นจากการตกลงกันเอง หรือมีบุคคลที่สาม เช่น องค์การสหประชาชาติ หรือประเทศผู้มีบทบาทระหว่างประเทศเป็นผู้ไกล่เกลี่ย แต่ที่น่าสนใจคือ การหยุดยิงมีความเปราะบางโดยธรรมชาติ เพราะความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างคู่ขัดแย้งไม่ใช่สิ่งที่สามารถฟื้นฟูได้ด้วยลายเซ็นบนกระดาษเพียงแผ่นเดียว หากต้องอาศัยทั้งความจริงใจ กลไกการติดตามตรวจสอบ และเจตจำนงทางการเมืองที่มั่นคง
หากเราพิจารณาตัวเลขในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา ระหว่างปี 2005 ถึง 2025 มีการลงนามข้อตกลงหยุดยิงที่เป็นทางการไม่น้อยกว่า 200 ฉบับทั่วโลก แต่จากการตรวจสอบขององค์กรนักสันติภาพระหว่างประเทศและฐานข้อมูลของ United Nations Peacemaker พบว่า มีเพียงร้อยละ 20-25 เท่านั้นที่คงอยู่อย่างต่อเนื่องและไม่ถูกละเมิดภายในสองปีแรกหลังลงนาม ตัวเลขนี้แสดงให้เห็นความจริงว่าการหยุดยิงก็เป็นเพียงการพักรบชั่วคราว มิใช่จุดเริ่มต้นของสันติภาพ
ตัวอย่างสำคัญในปี 2025 ที่ชี้ให้เห็นความซับซ้อนของปัญหานี้ คือข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและฮามาส ช่วง 17-19 มกราคม 2025 ซึ่งแม้จะได้รับเสียงสนับสนุนอย่างล้นหลามจากที่ประชุมใหญ่สหประชาชาติ แต่ข้อมูลจาก Al Mezan Center for Human Rights ระบุว่า ภายใน 30 วันแรก มีการละเมิดจากฝ่ายอิสราเอลบ่อยครั้ง ทำให้มีพลเรือนเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก
ในทำนองเดียวกัน ข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอินเดียและปากีสถานเมื่อ 10 พฤษภาคม 2025 ซึ่งมีสหรัฐอเมริกาเป็นผู้ไกล่เกลี่ย แม้จะได้รับการตอบรับในแถลงการณ์ร่วม แต่ยังไม่มีข้อตกลงอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรในระดับทางการ จึงถือว่าอยู่ในสถานะ "เปราะบาง" อย่างไรก็ตาม มีตัวอย่างที่ให้ความหวังคือ กรณีสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกและรวันดา ที่ลงนามเมื่อ 27 มิถุนายน 2025 ซึ่งได้รับการยกย่องจากสหภาพแอฟริกาว่าเป็นตัวอย่างของข้อตกลงเชิงโครงสร้าง เนื่องจากระบุเงื่อนไขการถอนกำลัง การยุติสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธ และความร่วมมือข้ามพรมแดนอย่างละเอียด
การละเมิดข้อตกลงหยุดยิงเป็นความล้มเหลวในความเชื่อมั่นระหว่างคู่ขัดแย้ง หรือแม้กระทั่งความจงใจที่มีเป้าหมายแอบแฝงทางยุทธศาสตร์และการเมือง ในกรณีของยูเครนและรัสเซีย ข้อมูลจากรัฐบาลยูเครนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2025 ระบุว่า ระหว่างช่วงที่มีการประกาศหยุดยิงชั่วคราวเพื่อเปิดทางให้การเจรจากับสหรัฐอเมริกา รัสเซียได้ทำการละเมิดหลายร้อยครั้ง ซึ่งรวมถึงการยิงจรวดใส่โครงสร้างพื้นฐานพลเรือน
บทเรียนจากความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชาในเดือนกรกฎาคม 2025 ที่บริเวณชายแดนจังหวัดศรีสะเกษ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 38 คน และมีผู้ได้รับความเดือดร้อนกว่า 3 แสนคน ข้อตกลงหยุดยิงได้รับการสนับสนุนจากประเทศสมาชิกอาเซียน สหรัฐอเมริกา และจีน โดยใช้มาเลเซียเป็นเวทีเจรจา แต่การหยุดยิงครั้งนี้กลับถูกละเมิดอย่างรวดเร็ว โดยฝ่ายไทยรายงานว่ามีการยิงข้ามแดนถึงซ้ำหลายครั้งภายใน 48 ชั่วโมง ทำให้มีผู้บาดเจ็บและพลเรือนต้องอพยพเพิ่มหลายพันคน
การหยุดยิงที่เกิดขึ้นโดยไม่มี "กลไกตรวจสอบที่เชื่อถือได้และเป็นกลาง" มีแนวโน้มสูงที่จะล้มเหลว ไม่ว่าจะมาจากความตั้งใจหรือความผิดพลาด เมื่อเกิดการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ประชาคมโลกมีกลไกตอบสนองหลากหลายระดับ ตั้งแต่การเรียกร้องทางจริยธรรม ไปจนถึงมาตรการทางกฎหมายระหว่างประเทศ องค์กรเช่น UNTSO, OSCE, และ UNIFIL มีภารกิจในการเฝ้าระวังและรายงานอย่างเป็นทางการ โดยใช้เทคโนโลยีร่วมกับรายงานภาคสนาม คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติมีบทบาทในการออกแถลงการณ์ประณาม การจัดตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ และในบางกรณีการใช้มาตรการคว่ำบาตร เช่น การแช่แข็งทรัพย์สิน หรือการห้ามส่งอาวุธไปยังรัฐที่ละเมิด
นอกจากนี้ยังมีการใช้อนุสัญญาและกฎหมายระหว่างประเทศ เช่น อนุสัญญาเวียนนา หรือการยื่นเรื่องต่อศาลอาญาระหว่างประเทศเพื่อดำเนินคดีในกรณีที่เข้าข่ายอาชญากรรมสงคราม และไม่น้อยไปกว่ากัน คือกลไกการทูตและการเจรจา การตั้งคณะกรรมการร่วม และการมีบุคคลที่สามเป็นผู้ไกล่เกลี่ยเพิ่ม
การหยุดยิงคือ ประตูก้าวแรกสู่สันติภาพ ที่จะต้องเปิดด้วยกุญแจใจแห่งความเชื่อมั่น ความกล้าหาญทางการเมือง และการมีส่วนร่วมของประชาคมโลก ที่ผ่าน ๆ มาข้อตกลงหยุดยิงมีไม่น้อยกว่าสองร้อยฉบับในรอบสองทศวรรษ ตอกย้ำว่าแม้จะมีความพยายามซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อยุติความขัดแย้ง แต่การปราศจากกลไกการติดตาม การเจรจาที่โปร่งใส และการสนับสนุนจากประชาชน ข้อตกลงการหยุดยิงก็เป็นเพียงแค่ตัวอักษรที่ว่างเปล่าไร้น้ำหนักและสุดแสนจะเปราะบางจริง ๆ ครับ