การฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับกัมพูชาในปัจจุบัน กำลังเขย่าภูมิรัฐศาสตร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างน่าจับตา หลังจากที่กัมพูชาแนบแน่นกับจีนมายาวนาน ทั้งด้านการค้า การทหาร และการเมืองภายใน

ท่ามกลางวาระครบรอบ 75 ปีความสัมพันธ์ทางการทูต สหรัฐฯ เดินเกมเชิงสัญลักษณ์และยุทธศาสตร์อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเชิญคณะผู้แทนทหารกัมพูชาเยือน INDOPACOM การหารือฟื้นฝึก “อังกอร์ เซนติเนล” หรือแม้แต่แผนเยือนฐานทัพเรือเรียมของรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ

ขณะเดียวกัน รัฐบาลกัมพูชาก็เริ่มปรับสมดุล หันกลับมาหาสหรัฐฯ เพื่อลดการพึ่งพาจีนฝ่ายเดียว ท่ามกลางแรงต้านในประเทศและแรงเสียดทานระดับภูมิภาค

ที่สำคัญและน่าจับตา คือบทบาทของสหรัฐฯ ในการเจรจาหยุดยิงระหว่างไทย–กัมพูชา เป็นโอกาสให้กัมพูชาได้สมดุลอำนาจระหว่างจีนกับสหรัฐฯ

คำถามสำคัญจึงตกอยู่ที่ไทย เลี่ยงผลกระทบไม่ได้ ไทยอาจเผชิญความไม่มั่นคงบริเวณชายแดน หากการแข่งอิทธิพลระหว่างสหรัฐฯจีนยกระดับทางทหาร

ยิ่งไปกว่านั้น ไทยอาจถูกแรงกดดันให้ “เลือกข้าง” ในสถานการณ์ที่ทั้งสองฝ่ายต่างต้องการดึงมหาอำนาจเข้าเสริมทัพ และหากไทยยังวางตัวเฉย บทบาทในอาเซียนอาจถูกลดความน่าเชื่อถือในเวทีการทูต

ทางออกของไทยคือ การรักษาสมดุลเชิงสร้างสรรค์ ไม่เลือกข้าง แต่เป็นสะพานเชื่อมมหาอำนาจ เปิดเวทีการหารือพหุภาคี ดึงมหาอำนาจมาเจรจาในกรอบอาเซียน หรือแม้แต่ภายใต้การนำของไทยเอง

ควบคู่กับการขับเคลื่อน “เศรษฐกิจความมั่นคง” ผ่านการลงทุนในพื้นที่ยุทธศาสตร์ เช่น เขตเศรษฐกิจตะวันออก และกระจายความร่วมมือไปยังชาติพันธมิตรอื่น เช่น อินเดีย ญี่ปุ่น เวียดนาม

แต่เหนืออื่นใด จะสู้ศึกนอก ไทยต้องแข็งแกร่งจากภายใน และมีความเป็นเอกภาพ และความเป็นหนึ่งเดียวกัน เหมือนอย่างที่ชาติมหาอำนาจคุยกับสมเด็จฮุนเซนคนเดียวแล้ว จบ