ปัจจุบันเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้ชีวิตและโครงสร้างของสังคมโลก มีทั้งสร้างสรรค์ และทำลาย เทคโนโลยีทำให้บางอาชีพสูญหายไปจากโลกนี้ หรือหายใจรวยรินด้วยความยากลำบาก ในขณะเดียวกันก็สร้างอาชีพใหม่ และเสริมให้บางอาชีพเจิรญก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี มองโลกอนาคตผ่านการบรรยาพิเศษเรื่อง “คุณธรรมของผู้นำธุรกิจในวัฒนธรรมไทย-จีน” อย่างน่าสนใจ ว่า นพ.เกษม บอกว่ามนุษย์จะต้องเผชิญกับ “ยุคแห่งความสุดโต่ง” ประกอบด้วย 1.สุดโต่งด้านปรากฏการณ์ธรรมชาติ สุดโต่งด้านสิ่งแวดล้อม ภูมิอากาศ 2.สุดโต่งด้านการเมือง สุดโต่งด้านสังคม 3.สุดโต่งด้านเศรษฐกิจ และ 4.สุดโต่งด้านการรักษาพยาบาล และในอีก100ปีข้างหน้าจะต้องเผชิญกับวิกฤติ 4 ประการ 1.วิกฤติคนล้นโลก ที่อนาคตทั่วโลกต้องเผชิญ ที่อยู่อาศัยไม่เพียงพอคนจน ไม่มีอาหารกิน การเพาะปลูกต้องขยายพื้นที่ให้มากขึ้น 2.วิกฤติภาวะโลกร้อน 3.วิกฤติพลังงาน และ 4.วิกฤติการขาดแคลนน้ำจืด จนไปสู่วิกฤติอาหาร “ในโลกอนาคตเรื่องทักษะคอมพิวเตอร์ การใช้เทคโนโลยีจากคอมพิวเตอร์ถือว่ามีความสำคัญอย่างมาก รวมถึงการใช้แอพพลิเคชั่น และฐานข้อมูล(DATA)ที่สำคัญในการทำงาน ที่สำคัญทุกธุรกิจต้องลงทุนในระบบฐานข้อมูลให้ได้เหมือนบริษัทยักษ์ใหญ่ในประเทศจีนหลายแห่ง เช่น อาลีบาบา ฯลฯ เพื่อจะได้รับรู้การดำเนินการในการประกอบธุรกิจ ทั้งการส่งสินค้า เงินที่เข้า-ออก ฐานข้อมูลเหล่านี้จะมีประโยชน์อย่างมาก ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย เวลา อีกทั้งการคำนวณจัดการต่างๆยังมีความแม่นยำสูงอีกด้วย” อย่างไรก็ตาม ประเทศไทย คือองค์กรขนาดใหญ่ ที่กำลังถูกเทคโนโลยีไล่ล่าจากรอบด้าน เรามองว่าองค์กรภาครัฐเองเป็นส่วนสำคัญที่จะต้องปฏิวัติให้ทุกองคาพยพเข้าสู่โลกดิจิตัล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และการบริการประชาชน โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี เพื่อสร้างชาติให้มั่นคงและมั่งคั่ง