จากสถานการณ์ปัญหาความประพฤตินอกพระธรรมวินัยของพระภิกษุบางรูปที่ปรากฏเป็นข่าวในสังคม ทำให้มหาเถรสมาคม (มส.) มีมติเห็นชอบร่างแก้ไขเพิ่มเติมกฎมหาเถรสมาคม 2 ฉบับ ได้แก่ กฎว่าด้วยการลงนิคหกรรม และ กฎว่าด้วยการสละสมณเพศ ซึ่งเดิมประกาศใช้มานานหลายสิบปี คือ พ.ศ. 2521 และ 2538

เดิมการพิจารณาอธิกรณ์ต้องอาศัยพยานบุคคลและเอกสาร ใช้เวลายาวนานเนื่องจากมีขั้นตอนชั้นต้น อุทธรณ์ และฎีกา ในขณะที่ปัจจุบันมีหลักฐานทางเทคโนโลยี เช่น คลิปวิดีโอ ข้อมูลการสนทนาออนไลน์ ซึ่งตรวจสอบได้ง่ายและชัดเจน จึงควรปรับกฎให้เหมาะสมกับยุคสมัย เพื่อความโปร่งใสและลดความล่าช้า สำหรับแนวทางที่แก้ไข

ยังคงยึดหลักพระธรรมวินัยและพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ การวินิจฉัยเป็นหน้าที่ของคณะสงฆ์ ไม่ใช่ข้าราชการ

เพิ่มบทบัญญัติให้ใช้พยานหลักฐานสมัยใหม่ที่เชื่อถือได้ เช่น จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

กำหนดกรอบเวลา ไม่เกิน 10 วัน สำหรับการตัดสินอธิกรณ์ร้ายแรง

หากมีคำวินิจฉัยให้สละสมณเพศแต่ผู้กระทำผิดไม่ปฏิบัติ ให้สำนักงานพระพุทธศาสนาประสานฝ่ายบ้านเมืองเพื่อดำเนินการ

แบ่งอำนาจการตัดสินตามตำแหน่งพระภิกษุ เพื่อให้เหมาะสมและลดความซ้ำซ้อน

ทั้งนี้ การแก้ไขกฎครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่สะท้อนถึงความตั้งใจในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้ดำรงมั่นคงในสังคมไทย อย่างไรก็ตาม ควรมีการประชาสัมพันธ์ให้พุทธศาสนิกชนเข้าใจขั้นตอนและหลักการ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในความโปร่งใสและความยุติธรรม อีกทั้งควรพิจารณาการอบรมพระภิกษุในเชิงป้องกัน ควบคู่กับมาตรการลงโทษ เพื่อรักษาความศรัทธาของประชาชนและความบริสุทธิ์แห่งพระธรรมวินัย

อย่างไรก็ตาม เราคาดหวังว่าการปรับปรุงกฎมหาเถรสมาคมในครั้งนี้ไม่เพียงเป็นการตอบสนองต่อสถานการณ์ปัจจุบัน แต่ยังเป็นการสร้างมาตรฐานที่ชัดเจน เป็นธรรม และรวดเร็ว เพื่อรักษาปกป้องพระพุทธศาสนาให้ดำรงอยู่คู่สังคมไทยอย่างมั่นคงและสง่างาม