“ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี ในวันที่ “แพทองธาร ชินวัตร” ถูกศาลรัฐธรรมนูญ สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ จนกว่าศาลจะวินิจฉัย “คดีคลิปเสียงฮุน เซน” ออกมา

ด้วยเหตุนี้ภาระหน้าที่ในกรอบของ “สร.1” จึงมี ภูมิธรรม ดำเนินการและออกหน้าแทบทั้งสิ้น ทั้งเรื่องภายในประเทศ ไปจนถึงการเมือง “ระหว่างประเทศ” จากข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา บานปลายไปสู่การปะทะกัน ถึง 5 วัน จากนั้นไปสู่การเจรจาหยุดยิงทันทีของกองทัพทั้งสองฝ่าย แต่ปรากฏว่า “กัมพูชา” กลับเป็นฝ่ายละเมิด ข้อตกลง ทำให้วันนี้ สถานการณ์ชายแดน ยังไม่อยู่ในจุดที่ “วางใจได้”

เมื่อภูมิธรรม ต้องออกมารับบทหนัก เล่นในทุกตำแหน่ง ในท่ามกลางทั้งที่ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯและ นายกฯแพทองธาร ชินวัตร ต่างติดล็อกด้วยคดีความด้วยกันทั้งคู่ บวกกับการที่ประชาชนไม่ไว้วางใจ ตั้งแต่เมื่อครั้งคลิปเสียงการสนทนา กับ “สมเด็จ ฮุน เซน” ประธานวุฒิสภากัมพูชา  จนมาถึงวันเจรจาหยุดยิง

ปัญหาการเมืองระหว่างประเทศ ยังไม่จบ ปรากฏว่าปัญหาคดีชั้น 14 ที่ทักษิณ เป็นจำเลย “ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง” นัดฟังคำวินิจฉัย ในวันที่ 9 ก.ย.นี้ กำลังถูกมองว่า จะกระทบต่อ “พรรคเพื่อไทย” และ “รัฐบาล” ไปจนถึงนายกฯแพทองธาร จนจะกลายเป็น “โดมิโน” ที่ล้มตามกันไปหรือไม่

แม้ล่าสุดภูมิธรรม ออกมายืนยันกับสื่อว่า “ไม่เสียขวัญ” ทั้งพรรคเพื่อไทย และรัฐบาลจากกรณีคดีชั้น 14  เนื่องจากคดีนี้ ถูกจับตามาโดยตลอดว่าหากศาลพิพากษาว่า กระบวนการส่งตัว ทักษิณ ออกไปรักษาตัวนอกเรือนจำ  นั้นไม่ถูกต้องจริง จะนำไปสู่การส่งตัวทักษิณ กลับไปรับโทษในเรือนจำต่อไปหรือไม่

“เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม อย่างที่พูดเราเคารพกระบวนการยุติธรรม และแต่เรายังไม่รู้ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร

ทำให้เราต้องคิดว่า ถ้าเสียหายจะสะเทือนหรือไม่ ถ้าเกิดชนะเราจะได้ไหม ผมว่าไม่มีประโยชน์ เพราะตอนนี้เรามุ่งมั่นเรื่องการปะทะกันที่บริเวณชายแดนเป็นหลัก” (31 ก.ค.68) 

ถึงกระนั้นในความเป็นจริงแล้วทั้งพรรคเพื่อไทย และนายกฯแพทองธาร คงปฏิเสธไม่ได้ว่า คดีชั้น14 หากออกมาในทางที่เป็น “โทษ” ต่อตัวทักษิณ จริงๆแล้ว สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาย่อมไม่ต่างจาก “สึนามิการเมือง” และยังอาจกลายเป็น “จุดเปลี่ยน” ตามมาอีกด้วยต่างหาก!