หลบเร้น หายตัวไปจากหน้าสื่อพักใหญ่  หลังจากที่ “นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาโลดแล่นเดินสายไปต่างจังหวัด หลังขึ้นเวทีโชว์วิชชั่น ทิ้งปมประเด็นเอาไว้

แต่ดูเหมือนว่า แม้ ทักษิณ ออกโรงมาเคลื่อนไหวอยู่เบื้องหน้า เพื่อประคับประคองทั้ง “รัฐบาล” ที่พรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำ  และ “แสดงแทน” ในจังหวะที่ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกฯทางการ อยู่ในระหว่างหยุดทำหน้าที่ ด้วยคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ คดีคลิปเสียงสนทนากับ “สมเด็จ ฮุน เซน” ประธานวุฒิสภากัมพูชา ทว่าสถานการณ์ทางการเมือง สำหรับรัฐบาลและนายกฯแพทองธาร ยังไม่สามารถตีตื้น ขึ้นมาได้

ล่าสุด ยังปรากฏว่า ทักษิณ ยังต้องมาลุ้นกับ คดีร้อนๆ ที่จ่อคิว ด้วยกันถึง2คดี  โดยที่ทั้งสองคดี ล้วนมีผลชี้ชะตา ทั้งต่อตัวทักษิณ ไปจนถึงพรรเพื่อไทย ด้วยกันทั้งสิ้น !

“คดีชั้น 14” มีความชัดเจนแล้วว่า ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดฟังคำวินิจฉัย ในวันที่ 9 ก.ย.68 นี้ เวลา 10.00 น. ซึ่งคดีดังกล่าวนี้ น่าจะมีผลกระทบหนักหนาต่อตัวทักษิณ อย่างมาก เพราะอย่าลืมว่า มติของแพทยสภาที่เคยชี้มาก่อนหน้านี้ว่า ทักษิณ ไม่เข้าข่ายป่วยวิกฤต อีกทั้งยังสั่งลงโทษ “แพทย์ 3ราย” ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการส่งตัวทักษิณ ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ ชั้น 14

ทั้งนี้ หากศาลฯมีคำวินิจฉัยชี้ว่า เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ และหมอ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องมีความผิดจริง ย่อมหมายความว่า ที่ผ่านมาทักษิณ ยังรับโทษไม่เป็นไปตามคำสั่งศาลฯ จึงอาจต้องกลับไปรับโทษกันใหม่หรือไม่

ดังนั้นคดีชั้น 14 จึงถูกจับตามาโดยว่านี่อาจเป็นทั้ง “จุดเปลี่ยน” และเดินไปสู่ “จุดตาย” สำหรับอดีตนายกฯทักษิณ เอง

มากกว่าคดี ม.112 กรณีให้สัมภาษณ์สื่อเกาหลีที่ถูกร้องว่า พาดพิงสถาบัน หรือไม่ โดยคดีดังกล่าว “ศาลอาญา” มีกำหนดนัดฟังคำวินิจฉัย ในวันที่ 22 ส.ค.นี้ เพราะหากย้อนกลับไปฟังคำสัมภาษณ์ของทักษิณ เอง แสดงความเชื่อมั่นว่าตัวเองไม่มีความผิด และหากพ้นบ่วงคดีเมื่อไหร่ ก็พร้อมที่จะเดินสายพบกับพี่น้องประชาชน อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ดี ความมั่นใจของทักษิณ ต่อคดี ม.112 ซึ่งคำวินิจฉัยของศาลจะมีความชัดเจน ก่อนคดีชั้น 14 นั้น อาจเป็นสัญญาณได้ทั้งบวกและลบ ทั้งต่อตัวเขาเอง ไปจนถึง รัฐบาล ในช็อตแรก ระยะสั้นๆ ก่อนที่จะไปเจอด่านที่สอง ที่คดีชั้น 14 ในเดือนก.ย.