สถาพร ศรีสัจจัง
“…จากกรรมของตนเองก็ทำให้ชีวิตของเรานี้เป็นไปต่างๆ แล้วมนุษย์เหล่านั้น แต่ละคนๆ ทำกรรมร่วมกัน ก็ทำให้วิถีของสังคมเป็นไป สังคมนั้นก็จะมีความเป็นไปยังไง ก็เป็นผลรวมของมนุษย์ที่กระทำนั้น…”
ข้อความที่ยกมาข้างบนเป็น “ความ” ท่อนหนึ่งในนิยามต่อคำว่า “กรรม” ของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) ถ้าจะสรุปให้ได้ความสั้นๆก็คือ “กรรม” นอกจากจะเป็นเรื่องที่ “ก่อผล” เฉพาะตนหรือเฉพาะ “อัตตา” นั้นๆแล้ว ยังจะส่งผลต่อคนโดยส่วนรวมในลักษณะ ถ้าจะดูคำแปล หรือ “นิยาม” ต่อคำว่า “กรรม” จากพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน ก็ได้ความว่า กรรมคือ :
“…[กำ กำมะ-] น. (1)การ การงาน กิจ เช่น พลีกรรม ต่างกรรมต่างวาระ เป็นการดีก็ได้ ชั่วก็ได้ เช่น กุศลกรรม อกุศลกรรม (2) การกระทำที่ส่งผลร้ายมายังปัจจุบัน หรือซึ่งจะส่งผลร้ายต่อไปในอนาคต เช่น บัดนี้กรรมตามทันแล้ว ระวังกรรมจะตามทันนะ (3) บาป เคราะห์ เช่น คนมีกรรม กรรมของฉันแท้ๆ (4) ความตาย ในคำว่า ถึงแก่กรรม.…”
ข้อ “เชื่อมโยง” ที่น่าสนใจ คือความหมายของ “กรรม” ระหว่างเนื้อหาจากนิยามในแง่ “พุทธธรรม” ของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์(ประยุทธ์ ปยุตฺโต)กับ นิยามตาม “ความหมายที่ 2” จากพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานที่ว่า คือ “การกระทำที่ส่งผลร้ายมายังปัจจุบัน หรือ ซึ่งจะส่งผลร้ายต่อไปในอนาคต เช่น บัดนี้กรรมตามทันแล้ว ระวังกรรมจะตามทันนะ”
ทำไมจึงกล่าวว่าเป็น “ความเชื่อมโยง” ที่น่าสนใจ?
ที่น่าสนใจก็เพราะว่า ความเชื่อมโยงนี้สามารถนำมาอธิบาย “กรรม” ของมนุษย์ยุคปัจจุบัน ทั้งในระดับสังคมโลก ระดับสังคม “อาเซียน” และ ระดับประเทศไทยได้อย่างเป็นรูปธรรมยิ่ง เพราะสามารถยกตัวอย่างจาก “ปรากฏการณ์” ต่างๆที่กำลังเป็นอยู่ดำเนินอยู่ ให้ชาวบ้านธรรมดาๆอย่างเราๆเห็นได้อย่างชัดเจนจับต้องได้
กรณีคำอธิบายเกี่ยวกับ “กรรม” ที่ก่อทุกข์หลากประการให้กับ “มนุษยชาติ” ในโลกยุคปัจจุบันนั้น เอาแค่เพียงเรื่องเดียว ก็น่าจะเห็น คือ เรื่อง “โลกร้อน” (Global Warming) เพราะสามารถแสดงให้เห็นชัดได้ว่า เกิดจาก “ผลกรรม” ที่มนุษย์ร่วมกันก่อขึ้น
ร่วมกันก่อขึ้นอย่างไร?
ก่อนที่จะหาคำตอบเกี่ยวแก่คำถามนี้ เรามาทำความเข้าใจเสียสักนิดหนึ่งก่อนเถอะว่า “ภาวะโลกร้อน” ที่ว่า คืออะไร?
แม้หลายคนอาจจะคิดว่ารู้และเข้าใจแล้ว แต่ก็ขออนุญาต “เอามะพร้าวห้าวมาขายสวน” สักครั้ง เผื่อว่าอาจมีบางใครหรือหลายใครที่มีโอกาสได้อ่านข้อเขียนนี้ที่อาจจะยังไม่แจ่มชัดในเรื่องนี้นัก จะได้เข้าใจตรงกัน
ขออธิบายว่า เรื่องนี้มีนักวิชาการหลายๆด้าน หลายๆคน หลายๆสำนัก เขาศึกษากันมานาน อย่างกว้างขวางรอบด้าน และลงลึก มีงานวิจัยรองรับในระดับที่เรียกได้ว่า “มหาศาล”
แต่อาจสามารถสรุปให้เข้าใจง่ายๆแบบชาวบ้านได้ประมาณว่า
ภาวะโลกร้อนก็คือ ภาวะการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยในระบบภูมิอากาศของโลก ซึ่งเกิดจากการเพิ่มขึ้นของ “ก๊าซเรือนกระจก” (Greenhouse Gas) ในชั้นบรรยากาศ ก๊าซเหล่านี้เกิดจากกิจ “กรรม” ของมนุษย์ เช่น การเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล การตัดไม้ทำลายป่า การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้ที่ดิน การทำเกษตรกรรม การทำเหมืองแร่ โดยเฉพาะกิจกรรมที่เรียกกันว่ากิจกรรมในภาค"อุตสาหกรรม"ต่างๆของสังคมโลก ฯลฯ
อภิปรายเป็นตัวอย่างรูปธรรมให้เห็นอีกสักหน่อย “การเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล” ก็เช่นการใช้ถ่านหินในรูปแบบต่างๆ การใช้น้ำมันปิโตรเลียม(ทั้งในรถและเครื่องจักรต่างๆ) การใช้ก๊าซธรรมชาติ(ผลิตไฟฟ้าและอื่นๆ)ฯลฯ เหล่านี้ก่อให้เกิดก๊าซคาร์บอนใดออกไซด์(CO/2) ซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกที่สำคัญยิ่ง!
กรณีอื่นๆ ทั้งการเกษตร(โดยเฉพาะการทำปศุสัตว์) การทำเหมืองแร่ การเปลี่ยนรูปแบบการใช้ที่ดิน และที่สำคัญ คือ “ภาคอุตสาหกรรม” ต่างๆ (ซึ่งเป็นหัวใจของการผลิตสินค้าในระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมบริโภคในโลกยุคปัจจุบัน)ก็เช่นกัน คือด่อใก้เกิดภาวะ “ก๊าซเรือนกระจก” อย่างกระจายตัวไปทั่วโลก
โดยเฉพาะในประเทศประเภท “จักพรรดินิยม” ที่พัฒนาแล้ว อย่างสหรัฐอเมริกา จีน และ ประเทศอุตสาหกรรมในกลุ่มประเทศยุโรป!
ภาวะดังกล่าวนี้ ก่อให้โลกเสียดุลยภาพด้านภูมิศาสตร์ด้านต่างๆอย่างรวดเร็ว กว้างขวาง และรุนแรง!
เรื่องนี้ มีคำอธิบายจากหลายสำนักว่าต้นเหตุจริงๆเกิดจากคนส่วนน้อยที่มี “อำนาจ” ที่คนส่วนใหญ่ “ต้องมอบให้” ด้วย “เหตุ” ต่างๆ ในต่างกรรม ต่างกาละ และต่างเทศะ
เช่น จากการกดขี่ด้วยกำลังคน กำลังอาวุธ กำลังเงิน กำลังโอกาส และกำลังสติปัญญา กำลังการจัดตั้ง และกำลังการจัดการ เป็นต้น
“อำนาจ” ที่ “คนกลุ่มน้อย” ได้รับฉันทานุมัติให้มีอำนาจในการจัดการสังคมของแต่ละ “ประเทศ” ในยุคปัจจุบัน ที่เรียกว่าได้มาจาก “การเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย” ก็เช่นกัน ถ้าจะวิเคราะห์วิจัยกันอย่างลึกซึ้งจริงๆแล้วก็ล้วนมีเนื้อหาอยู่ในอีหรอบนี้!
กลับมาที่เรื่อง “โลกร้อน” กันอีกที คำถามคือ แล้วภาวะโลกร้อนนำ “กรรม” อะไรมาก่อให้เกิดกับ “โลกมนุษย์”ในปัจจุบันบ้าง เรื่องนี้นักวิชาการตอบแบบสรุปสั้นๆง่ายๆว่า
“ภาวะโลกร้อนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เช่น อุณหภูมิที่สูงขึ้น ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น การเปลี่ยนแปลงรูปแบบของฝน และภัยพิบัติทางธรรมชาติที่รุนแรงขึ้นแทบทุกด้าน ทำให้มนุษย์ในโลกมีอุบัติภัยจากธรรมชาติที่รุนแรงมากขึ้น เร็วขึ้น ป้องกันได้ยากขึ้น และต้องสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินได้ง่ายขึ้น!”
นี่เป็นตัวอย่างในเรื่อง “กรรมสัมพันธ์” ที่เกิดขึ้นกับโลกปัจจุบัน ที่จริงยังมีประเด็นอื่นอีกเยอะ ลองไปคิดหากันเอาเองบ้างเถอะอาจจะทำให้มีส่วนได้คิดช่วยกัน “แก้กรรม” ให้กับโลกบ้างเล็กๆน้อยๆก็ยังดี!!