ทั้ง “แดง” และ “น้ำเงิน” ต่างเดินหน้าทำงาน แข่งกับ “เวลา” ที่คล้ายเริ่ม “นับถอยหลัง” ด้วยกันทั้งสองฝ่าย
แม้รัฐบาล ที่นำโดย “พรรคเพื่อไทย” จะประกาศย้ำอยู่หลายครั้งว่า “อยู่ครบเทอม” แต่ในความเป็นจริงแล้ว กลับพบว่า “สัญญาณ” ที่ถูกส่งออกมาในระยะหลังๆ กำลังบ่งชี้ว่า อะไรๆก็เกิดขึ้นได้
การที่ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี เพิ่งไปตอบคำถามบนเวทีโชว์วิสัยทัศน์ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” เมื่อสัปดาห์ผ่านมา แสดงความมั่นใจว่า จะไม่มีการเปลี่ยน “รัฐบาล” หรือ เปลี่ยน “นายกฯ” เพียงแต่เวลานี้ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกฯ ถูกพักงานด้วย “เรื่องเฮงซวย” เท่านั้น
แต่ลึกๆแล้ว หลายฝ่ายประเมินว่า แม้คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ จะออกมาเป็น “บวก” ต่อนายกฯแพทองธาร ด้วยการชี้ว่า กรณีคลิปเสียงสนทนากับ “สมเด็จ ฮุน เซน” ประธานวุฒิสภากัมพูชา ไม่เข้าข่าย ขัดจริยธรรมร้ายแรง ตามที่ “38 สว.” ในปีก “สว.สายสีน้ำเงิน” เข้าชื่อยื่นคำร้องต่อประธานวุฒิสภา ซึ่งก็อยู่ในกลุ่มสว.สีน้ำเงินที่ใกล้ชิดกับ “พรรคภูมิใจไทย”
ทว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ในจังหวะนี้และลากยาวไปถึงวันที่ศาลรัฐธรรมนูญ จะมีคำวินิจฉัย ออกมานับเวลาอีกหลายเดือนนั้น ปัญหาความไม่เชื่อมั่นที่ประชาชนมีต่อรัฐบาล ที่กำลังถูกลดทอนอย่างต่อเนื่องนั้น จะเหลือเครดิตไปถึงวันที่นายกฯแพทองธาร ได้กลับมานั่งทำงานในฐานะ “สร.1” อีกมากน้อยแค่ไหน ?
เวลานี้ต้องยอมรับว่าแทบทุกพรรค ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล ต่างเดินหน้าไปสู่การเตรียมตัว “เตรียมพร้อม” ลงสนามเลือกตั้งใหม่กันแทบทั้งหมด ส่วนใครจะมีความพร้อม ทั้งกำลังคน ไปจนถึง “ทุนรอน” หรือไม่ก็ตาม แต่ด้วยสถานการณ์ทางการเมืองที่กำลังกดดัน อาจทำให้การเลือกตั้งใหม่ มาเร็วกว่าที่คาดคิด แม้จะไม่ทันได้อยู่ครบเทอมในปี 2570
เมื่อเวลานาทีทางการเมือง เริ่มนับถอยหลัง แต่ปรากฎว่า พรรคเพื่อไทยเองอาจไม่เหลือ “ตัวเล่น” ที่จะลงมาสู้กับ “ฝั่งตรงข้าม” ได้อีก ไม่ว่าจะเป็นตัวนายกฯแพทองธาร หรือไพ่ใบสุดท้ายอย่าง “ชัยเกษม นิติสิริ” แคนดิเดตนายกฯ ที่ยังมีอยู่ คงยากที่จะ “วัดพิกัด” สู้กับฝั่งตรงข้ามได้อย่างสูสีอีกต่อไป !