จะมีความหวังมากน้อยแค่ไหน สำหรับ “คดีร้อน” ที่ใกล้ถึงวันชี้ชะตาเข้ามาทุกขณะ แต่งานนี้ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี คงต้องเร่งทำงานแข่งกับ “เวลา” ที่กระชั้นเข้ามาทุกขณะ
ศาลอาญา นัดฟังคำพากษา คดีมาตรา 112 ที่มีทักษิณ เป็นจำเลย ในวันที่ 22 สิงหาคม นี้
ขณะที่ “คดีชั้น 14” ซึ่งอยู่ในการพิจารณาของ ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถูกคาดการณ์ว่าจะแล้วเสร็จในเดือนกรกฎาคม นี้ จากนั้น “คำพิพากษา” น่าจะไปตกอยู่ในเดือนสิงหาคม
ส่วน “แพทองธาร ชินวัตร” นายกฯ อย่างเป็นทางการ มีคดี “คลิปเสียง” การสนทนากับ “สมเด็จ ฮุน เซน” ประธานวุฒิสภากัมพูชา กรณีข้อพิพาทชายแดยไทย -กัมพูชา อยู่ในการพิจารณาของ “ศาลรัฐธรรมนูญ” ล่าสุด นายกฯแพทองธาร ได้ยื่นคำร้องขอขยายเวลาส่งคำชี้แจงต่อศาลฯ ออกไปอีก 15 วัน
ทั้งนี้คลิปเสียงฮุน เซน มีการประมาณการกันว่าศาลรัฐธรรมนูญ อาจจะมีคำวินิจฉัยออกมาว่า นายกฯอิ๊งค์ มีพฤติกรรมเข้าข่ายผิดจริยธรรมร้ายแรง จนต้องพ้นจากเก้าอี้นายกฯ ซ้ำรอย “เศรษฐา ทวีสิน” อดีตนายกฯ หรือไม่
หาก ผลจากคำวินิจฉัยของศาล ฯ ในส่วนของทักษิณ และนายกฯแพทองธาร ออกมาในทางที่เป็น “บวก” ย่อมไม่ได้หมายความว่า การเมืองไทยจะเดินหน้าต่อไปได้ด้วยความราบรื่น
เมื่อ “ม็อบรวมพลังแผ่นดิน” ที่นำโดย “สนธิ ลิ้มทองกุล” อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และ “จตุพร พรหมพันธุ์” แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน ประกาศนัดหมาย “ชุมนุมใหญ่” กลางเดือนสิงหาคมนี้ ให้เหตุผลว่า เพื่อ “จัดการบ้านเมืองกันใหม่”
แต่ในทางตรงกันข้าม หากผลจากการพิจารณาคดี ของศาลมีคำพิพากษาออกมาในทิศทางที่เป็น “ลบ” ต่อทักษิณ และนายกฯแพทองธาร ย่อมจะส่งผลต่อไปยังการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองตามมาด้วยหรือไม่ เพราะพรรคเพื่อไทย ต้องหาทาง “รักษาอำนาจ” โดยเฉพาะเก้าอี้นายกฯ เอาไว้ ไม่ให้ตกไปอยู่ในมือของพรรคการเมืองอื่น
และถ้าหากสถานการณ์บานปลายไปถึงการบีบให้ต้องเปลี่ยนตัวนายกฯ ตามมา จะเกิดภาวะแทรกซ้อนเปิดทางให้คนนอกเข้าขยับเข้ามาแทนที่หรือไม่ ภาวะวิสัยทางการเมืองในห้วงนี้จึงกดดัน ทักษิณ มากกว่าใคร !
#ทักษิณ #แพทองธาร #คดี112 #ศาลรัฐธรรมนูญ #การเมืองไทย #วิกฤตการเมือง #ม็อบสิงหา #พรรคเพื่อไทย #นายกรัฐมนตรี #ข่าวการเมือง