ทีมข่าวคิดลึก แนวรบด้านสงฆ์ ยังคงเป็นเรื่องร้อนที่"รัฐบาล" และ "คณะรักษาความสงบแห่งชาติ" ไม่อาจหลีกเลี่ยง มิหนำซ้ำยังดูเหมือนว่า เรื่องราวทางคดีความที่มีฝ่ายสงฆ์เข้ามาเกี่ยวข้อง ในฐานะ"ผู้ต้องหา"ทำท่าจะบานปลาย ยากที่จะจบลงตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม "การจับกุมพระธัมมชโยไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่ไม่อยากให้เกิดความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้นตามมา โดยเจ้าหน้าที่ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมาก ในทางปฏิบัติหากผู้ใดขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ก็ถือว่ามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา เจ้าหน้าที่มีอำนาจในการควบคุมตัวและดำเนินคดีตามกฎหมายได้ทันที ส่วนตัวเชื่อว่าพระธัมมชโยยังคงอยู่ภายในวัดพระธรรมกาย" พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุลรอง ผบ.ตร.กล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อแสดงให้เห็นถึงความพร้อม และความเชื่อมั่นของฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ เช่นเดียวกับท่าทีจาก"พ.ต.อ.ไพสิฐวงศ์เมือง" อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)ที่ยืนยันว่า ดีเอสไอพร้อมที่จะปฏิบัติการควบคุมตัวพระธัมมชโย และจากการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.เป็นต้นมา ยังไม่มีพูดคุยกันถึงประเด็นการนำ"มาตรา 44"เข้ามาบังคับใช้ เพื่อจับกุม ผู้ต้องหาคือ"พระธัมมชโย" อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย แต่อย่างใด ก่อนหน้านี้ต้องยอมรับว่า วัดพระธรรมกายคล้ายกับถูกรุกไล่ ทั้งการที่ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) มีมติสั่งปิดสถานีโทรทัศน์ช่อง DMC เป็นเวลา 15 วัน ตาม ม.64 พ.ร.บ.ประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ และตาม ประกาศ คสช.ฉบับ 97 ทว่าฟากวัดพระธรรมกาย ก็ไม่ยอมลดรา ดิ้นรนหาทางสื่อสารด้วยการถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊กและยูทูบแทน ! นั่นหมายความเป้าหมายที่ต้องการตัดช่องทางการระดมคนเข้าวัดอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่จะเปิดปฏิบัติการในขั้นต่อไปมีอันต้องสะดุด จากนั้นล่าสุด วัดพระธรรมกาย กลับเปิดหน้าสู้ด้วยการรวบรวมรายชื่อเพื่อถวายฎีกา จะเรียกได้ว่าเป็นการยกระดับการต่อสู้ของวัดพระธรรมกาย หรือเพื่อเรียกร้องหาความ เป็นธรรม ก็ตามที แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกำลังสะท้อนให้เห็นว่า นอกจากพระธัมมชโยอดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย จะไม่เข้ามามอบตัวตามหมายจับในคดีสมคบกันฟอกเงิน และคดีบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนจากการสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรม เวิลด์พีซวัลเลย์ (world peace valley) เขาใหญ่จังหวัดนครราชสีมา แล้วยังกลายเป็นว่าพร้อมที่จะตอบโต้เพื่อปกป้องพระธัมมชโย อย่างเต็มกำลัง อย่างไรก็ตาม คสช.และรัฐบาลเองรู้ดีว่าหากไม่ดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งกับพระธัมมชโย ย่อมนำมาซึ่งแรงกดดันจากสังคมที่พากันเฝ้าจับและคาดหวังว่าจะได้เห็นประเด็นปัญหาที่ยืดเยื้อเรื่องราวของวัดพระธรรมกายได้บทสรุปในรัฐบาลทหารที่มีความเด็ดขาดและมีความพร้อม อาจจะต้องสะดุดลงหรือไม่ และที่สุดแล้ว แรงกดดันที่ว่านี้จะนำมาซึ่งความยุ่งยากสำหรับ คสช.เสียเอง แม้จะเป็นเรื่องราวที่ต้องใช้กระบวนการทางกฎหมาย เข้าดำเนินการก็ตาม การแบกรับ ความคาดหวังจากประชาชน ในภาระหน้าที่ของทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. และ "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมจึงกลายเป็นไฟต์บังคับ ที่ต้องสำแดงผลงาน ออกมาให้สังคมได้เห็น ไม่มากก็น้อยตามที่ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประวิตร ได้เคยทิ้งท้ายเอาไว้ว่า จะทำได้มากหรือน้อยก็ต้องทำ !