เข้าสู่เดือนกรกฎาคม ที่เต็มไปด้วยประเด็นท้าทายทั้งต่อรัฐบาล และต่อบุคคลที่มีอำนาจ โดยเฉพาะในเดือนนี้ วันที่ 1 กรกฎาคม มีเหตุการณ์สำคัญที่หลายฝ่ายต้องจับตา

หนึ่งคือ สำนักงานเลขาธิการศาลรัฐธรรมนูญได้แจ้งกำหนดการนัดประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญล่าสุด โดยนัดประชุมเร็วขึ้นเป็นวันอังคารที่ 1 กรกฎาคม 2568 จากเดิมที่มีกำหนดประชุมในวันที่ 8 และ 15 กรกฎาคม

ซึ่งการประชุมในวันดังกล่าว อาจมีการพิจารณาคำร้องสำคัญที่สมาชิกวุฒิสภา 36 คน นำโดย พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา ที่ร่วมกันยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82  ให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ กรณีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุนเซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา โดยคำร้องยังขอให้ศาลมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีคำวินิจฉัย

หากคำร้องนี้ได้รับการพิจารณาอย่างเร่งด่วนและมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว ย่อมส่งผลสะเทือนต่อโครงสร้างอำนาจของรัฐบาลอย่างไม่อาจปฏิเสธได้

ขณะที่ในวันที่ 1กรกฎาคมวันเดียวกันนั้น ศาลอาญาสอบคำให้การจำเลย พร้อมตรวจพยานหลักฐาน ในคดีที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญายื่นฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร เป็นจำเลยในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงในราชอาณาจักร จากกรณีให้สัมภาษณ์มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน กับสำนักข่าวแห่งหนึ่ง ที่กรุงโซล เกาหลีใต้ เมื่อปี 2558

แม้จะยังอยู่ในกระบวนการศาลอาญา ที่จะต้องนัดสืบพยานอีกหลายนัด แต่ผลสะเทือนทางการเมืองนั้นย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้  เพราะนายทักษิณนั้น เป็นผู้มีบารมีตัวจริงของรัฐบาล และเป็นบิดาของผู้นำรัฐบาลคนปัจจุบัน

คดีนี้จึงกลายเป็นหมากสำคัญในกระดานอำนาจ ซึ่งอาจถูกนำไปใช้เพื่อสร้างแรงกดดันทางการเมืองในห้วงเวลาสำคัญ