อาจจะเป็นการตัดสินใจที่รวดเร็ว จนผิดไปจากความคาดหมายของใครหลายคน เมื่อ “4 รัฐมนตรี” ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่ง เมื่อวันที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่า รัฐมนตรีทั้ง 4 คนจะ “เกาะเก้าอี้” กันจนถึงนาทีสุดท้ายในวันที่ 8 ก.พ. อันเป็นวันสุดท้ายของการเปิดรับสมัครส.ส.
การเดินเกมที่ว่องไว ไม่รีรอทอดเวลาให้ รัฐมนตรีทั้ง4 ราย รั้งตำแหน่ง “ฝ่ายบริหาร” แล้วเลือกกระโดดลงสู่ “สนามการเมือง” ครั้งนี้ อาจส่งผลให้ “ฝ่ายตรงข้าม” ไม่สามารถโจมตีในประเด็นเรื่องของ “สปิริต” และ “ความเหมาะสม” ได้เท่านั้น
หากแต่ ยังน่าสนใจว่าเวลานื้ทั้ง “อุตตม สาวนายน” รมว. อุตสาหกรรม ในฐานะหัวหน้าพรรค , สุวิทย์ เมษิน ทรีย์ รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รองหัวหน้าพรรค , สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ ในฐานะเลขาธิการพรรค และ กอบศักดิ์ ภูตระกูล รมต.ประจําสํานักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกพรรค ต่างรอดพ้นจากการถูกวิพากษ์วิจารณ์ ตลอดจนยังไร้ “แรงกระเพื่อม” เกิดขึ้นในคณะรัฐมนตรี อีกด้วย เพราะจะไมมีการปรับเปลี่ยนตัวผู้เล่นในครม. นั่นเอง
ดังนั้นเกมการเล่นจากนี้ไป คือการเปิดทางให้ อดีตรัฐมนตรีทั้ง 4 คนลงไปทำหน้าที่ในฐานะ “นักการเมือง” อย่างเต็มตัว เพื่อเดินสายสร้างกระแส ไปจนถึงการตอกย้ำว่า เวลานี้พลังประชารัฐ นั้นพร้อมทั้ง “กระแส” และ “กระสุน” ถือเป็นการปิดช่องทางแห่งความยุ่งยากวุ่นวายให้กับ “ฝ่ายบริหาร” ลดแรงกระทบไปยัง “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ไปในตัว
โดยเฉพาะจากนี้อีกไม่กี่อึดใจ อดีตรัฐมนตรีทั้ง 4 คนจะต้องทำหน้าที่ “ส่งเทียบเชิญ” ไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อให้ตอบรับมาเป็นแคนดิเดต นายกรัฐมนตรี ในนามพรรคพลังประชารัฐ น่าจะเป็นการเหมาะสมและลงตัวมากที่สุด !
อย่างไรก็ดี การลาออกของ อุตตม-สุวิทย์-สนธิรัตน์และกอบศักดิ์ รัฐมนตรีในคาถาของ “ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกฯ ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งนั้น ดูจะเป็นการลดแรงเสียดทานได้หลายช็อต โดยเฉพาะงานฝ่ายบริหาร เพราะจะใช้วิธี ให้มีการรัฐมนตรีและข้าราชการประจำในแต่ละกระทรวง ทำหน้าที่รักษาการณ์แทน อาทิ ดร.สมคิด จะรักษาการณ์แทนสนธิรัตน์ กำกับดูแลงานของกระทรวงพาณิชย์ ส่วนภารกิจที่กระทรวงอุตสาหกรรม เมื่อไม่มีอุตตม แล้วแต่ต้องไม่ลืมว่า ยังมี “สมชาย หาญหิรัญ” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ทำหน้าที่รักษาการณ์แทนได้เช่นกัน
การวางแผนการเล่น ด้วยการปรับเปลี่ยนให้อดีตรัฐมนตรีทั้ง 4 คนลงไปลุยเดินสายหาเสียง ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่า จนถึงวันนี้ กระแสของพรรคพลังประชารัฐยังไม่อยู่ในจุดที่จะทำให้ “กุนซือ”และ แม้แต่ตัว พล.อ.ประยุทธ์ วางใจได้100 เปอร์เซ็นต์ ว่าพรรคจะสามารถกวาดที่นั่งส.ส.เข้าสภาผู้แทนฯได้เป็นพรรคอันดับหนึ่งดังนั้นนาทีนี้ การเททุกสรรพกำลังเพื่อลงไปเล่นในภาคสนาม จึงเป็นเรื่องจำเป็นและเร่งด่วนสำหรับพลังประชารัฐอยู่ไม่น้อย
การแยก “การเมือง” ออกจาก “งานรัฐบาล” ของคสช. ครั้งนี้ น่าสนใจว่า “ผลลัพธ์” ที่วางเอาไว้จะเกิดขึ้นได้ตามเป้าหมายมากน้อยหรือไม่ แค่ไหน แต่อย่างน้อยที่สุดนาทีนี้ พรรคพลังประชารัฐ จะมีอดีตรัฐมนตรี ผู้ทำนโยบาย เดินสายลงพื้นที่ไปนำเสนอไอเดีย กับพี่น้องประชาชน สร้างความเชื่อมั่นไปจนถึงขั้นที่ว่า จะได้รับโอกาสกลับมาสานงานต่อกันเลยทีเดียว !