คงปฏิเสธไม่ได้ว่าประชาชนไทยในปัจจุบันมีความสนใจด้านการเมือง และสถานการณ์ความเป็นไปของประเทศมาก เพราะทุกคนต่างสัมผัสได้ว่าทุกความเคลื่อนไหวทางการเมืองไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ต่างส่งผลกระทบต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของพวกเขาทั้งสิ้น รัฐมนตรีทุกคนจึงต้องเร่งทำผลงาน เพราะไม่มีใครอยากถูกเรียกว่ารัฐมนตรีที่โลกลืม
ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เราได้เห็นการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง ทั้งปิดหน้าร้าน ปิดช่องทางออนไลน์ รมต.นร. “จิราพร” ออกแถลงความสำเร็จแทบทุกเดือน ผิดกับนโยบาย "Zero Tolerance" หรือการไม่ยอมให้มีการทุจริต คอร์รัปชัน และการกระทำผิดกฎหมายภาษีสรรพสามิตที่ รมช. คลังฯ เผ่าภูมิ ได้เคยประกาศกร้าวเอาไว้ว่าจะจัดการกับเรื่องผิดกฎหมาย เพราะเป็นเรื่องที่กระทรวงการคลังจะไม่ยอมทนอย่างเด็ดขาด ที่ดูเหมือนจะเงียบหายไปจากหน้าสื่อ ไม่ปรากฏผลงานที่เป็นรูปธรรมให้เห็นเด่นชัดนัก
ทำให้เกิดคำถามตามมาว่า นโยบาย "Zero Tolerance" ที่ประกาศไว้ จะถูกนำไปใช้กับการปราบปรามสินค้าหนีภาษี โดยเฉพาะ "บุหรี่เถื่อน" ที่ระบาดหนักในภาคใต้หรือไม่ อย่างที่เราทราบกันดีว่า จังหวัดสตูล สงขลา และพัทลุง ได้รับสมญานามว่าเป็น "เมืองหลวงบุหรี่เถื่อน" และเป็นแหล่งกระจายสินค้าหนีภาษีขนาดใหญ่ สร้างความเสียหายต่อรายได้รัฐทั้งระดับชาติและท้องถิ่นมหาศาล บ่อนทำลายสุขภาพของประชาชน เพราะมีการบริโภคสินค้าผิดกฎหมายในพื้นที่เหล่านี้มากกว่าร้อยละ 90 และในระดับประเทศถึงกว่าร้อยละ 25.4
ที่ผ่านมา รัฐบาลเพื่อไทยในยุคอดีต มีผลงานเรื่องการแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชน กระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างรายได้เข้ากระเป๋าคนในประเทศและรัฐบาลเอง ในยามนี้แม้จะมีศึกหลายด้านทั้งภายในภายนอกประเทศ แต่ก็เป็นเวลาที่รัฐบาลต้องเร่งรัดการจัดเก็บรายได้เพื่อนำไปใช้พัฒนาประเทศ เพื่อไม่ให้ใครมาปรามาสได้ว่าความสำเร็จที่เคยทำได้เป็นแค่เรื่องลวงตา
การปล่อยให้บุหรี่เถื่อนระบาดหนัก ย่อมส่งผลกระทบโดยตรงต่อเงินในกระเป๋าของรัฐบาล ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นการบิดเบือนกลไกตลาด และสร้างความได้เปรียบเสียเปรียบที่ไม่เป็นธรรมต่อผู้ประกอบการที่ทำตามกฎหมาย ปัจจุบันพิษจากบุหรี่เถื่อนทำให้ร้านค้าโชห่วยยอดตก โอดครวญอยากทิ้งอาชีพกันมากมาย เพราะสู้เจ้าใหญ่ไม่ได้แล้วยังต้องถูกเบียดเบียนจากสินค้าผิดกฎหมายด้วย
กรมสรรพสามิตต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อปราบปรามสินค้าหนีภาษี นี่เป็นโอกาสสำคัญสำหรับ รมช. เผ่าภูมิ ในการพิสูจน์นโยบาย "Zero Tolerance" ด้วยการติวเข้มกรมสรรพสามิตเหมือนที่รัฐบาลเข้มงวดกับบุหรี่ไฟฟ้า ปราบปรามบุหรี่เถื่อนในพื้นที่ภาคใต้อย่างจริงจัง ทำงานเชิงรุก จับกุมผู้กระทำผิดรายใหญ่ ยึดของกลาง และทลายเครือข่าย เพื่อพิสูจน์ธรรมาภิบาลของรัฐบาล สร้างความเป็นธรรมให้กับผู้ประกอบการที่เสียภาษีถูกต้อง และรักษาความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สังคม และสุขภาพประชาชน
หาก รมช. เผ่าภูมิ สามารถผลักดันให้กรมสรรพสามิตทำงานได้อย่างเข้มแข็งและมีประสิทธิภาพในเรื่องนี้ได้ ชื่อเสียงของ "Zero Tolerance" ก็จะกลับมาเป็นที่ประจักษ์อีกครั้ง และจะเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงที่น่าภาคภูมิใจของท่านอย่างแน่นอน หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงในเร็ววัน เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติและประชาชน
แต่หากยังปล่อยให้เงียบ ไม่สามารถสร้างผลงานได้ คนที่จะ “ไม่ทน” กับเรื่องนี้ก็คงเป็นประชาชนทั้งประเทศและนายกรัฐมนตรีที่ต้องจัดการสับเปลี่ยนเก้าอี้ให้มือดีเข้ามาจัดการแทน