สถาพร ศรีสัจจัง

ตอนนี้ไปในหลายแหล่งหลายพื้นที่ ทั้งในแวดวงวิชาการและแวดวงระดับชาวบ้านธรรมดาตาดำๆ จากการได้พูดคุยแลกเปลี่ยนสอบถามในเรื่อง “สถานการณ์สังคม” ก็จะได้คำตอบที่เมื่อสรุปแล้ว มีเนื้อหาตรงกัน คือ “ปั่นป่วนวุ่นวายมาก” หลายเสียงก็สรุปสั้นๆว่า “วิกฤติ!”

วิกฤติทั้งระดับโลกและระดับประเทศ(ไทย)!

ได้ฟังคำ “วิกฤติ” แล้วก็เหมือนเกิดระลึกชาติถึงหนังสือบางเล่มที่เคยได้อ่านมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2517 หรือ เมื่อกว่า 50 ปีที่แล้วโน่นขึ้นมาได้!

เหตุการณ์ในสังคมไทยช่วงปี พ.ศ.2517 นั้น เพิ่งผ่านภาวะ “วิกฤติทางการเมือง” ครั้งสำคัญมาหมาดๆ นั่นคือเหตุการณ์ที่เรียกกันว่า “เหตุการณ์ 14 ตุลาฯ” (พ.ศ.2516)

เหตุการณ์ที่ “นักเรียนนักศึกษาประชาชน” ชาวไทยก่อขบวนลุกขึ้นโค่นล้ม “รัฐบาลทหาร” ภายใต้การนำของ “ถนอม-ประภาส-ณรงค์”! (ซึ่งหลายคนเชื่อกันว่า คนไทยยุคปัจจุบันน่าจะลืมเลือนกันไปหมดเรียบร้อยแล้ว)

เหตุการณ์ครั้งนั้นได้รับการวิเคราะห์ว่า เป็นเหตุการณ์ “ระดับโลก” เป็นเหตุการณ์ทางการเมืองที่ขบวนการนักเรียน นักศึกษา ประชาชน ก่อขบวนลุกขึ้นต่อต่านรัฐบาลที่ปกครองด้วยระบอบเผด็จการภายใต้การสนับสนุนของประเทศที่ประกาศตัวว่าเป็น “มหามิตร” ชื่อ “สหรัฐอเมริกา” ที่เข้ามาตั้งฐานทัพ (โดยเฉพาะฐานทัพอากาศ) อย่างเข้มแข็งถาวรอยู่ในประเทศไทย เพื่อใช้เป็นฐานในการทำสงครามเวียดนาม!

และอาจบันทึกไว้ได้ด้วยว่าเหตุการณ์ครั้งนั้น น่าจะเป็นครั้งแรกของโลกที่ขบวนการนักเรียนนักศึกษาสามารถนำประชาชน “ลุกขึ้นสู้” จนสามารถโค่นล้มรัฐบาลเผด็จการ (ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน) ลงได้สำเร็จ

ส่งผลให้หลังจากนั้นประเทศไทยที่อยู่ในสภาพเหมือน “ทำนบกั้นความคิดและข้อมูลข่าวสาร” เพิ่งถูกพังทะลายลงใหม่ๆ มีความตื่นตัวทางสังคมอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง

สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดก็คือ มีการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่เป็นทั้งด้านทฤษฎีการเมืองและความ เคลื่อนไหวทางสังคมการเมืองของต่างชาติและของโลกอย่างมากมาย โดยเฉพาะในรูปแบบสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ โดยเฉพาะประเภท “หนังสือเล่ม”(BooK)

“หนังสือบางเล่ม” ของยุคนั้นที่ว่าคิดถึงเมื่อได้ยินคำว่า “วิกฤติ” ดังที่ได้กล่าวมาแต่ต้น ก็ได้รับการแปล และจัดพิมพ์เผยแพร่ขึ้นในช่วงปี 2517 (หลังเหตุการณ์ 14 ตุลาฯมาหมาดๆ) นั่นเอง

เป็นหนังสือบทกวีเล่มเล็กๆ ที่เขียนโดยนักบวชในศาสนาคริสต์นิกายหนึ่ง จากประเทศเกาะเล็กๆที่ชื่อ “ศรีลังกา” หนังสือเล่มดังกล่าวมีชื่อในภาษาไทยว่า “ลังกาวิกฤติ : วันสังหารประชาชน” แปลจากชื่อภาษา อังกฤษว่า “Violent Lanka : The Day for Slaughter” เขียนโดยบาทหลวงกวีที่ชื่อ “สาวก โยฮัน เทวนันทะ”

โดยมี “วิทยากร เชียงกูร” เจ้าของบทกวี “ฉันเยาว์ ฉันเขลา ฉันทึ่ง/ฉันจึง มาหา ความหมาย” ที่โด่งดัง(มากๆ)ในยุคทศวรรษนั้นเป็นบรรณาธิการ

เนื้อหาของหนังสือเล่มนี้ กวีผู้เขียนเล่าเรื่อง ตั้งข้อสังเกต และแสดงทัศนะความคิดเห็นต่อเหตุการณ์ความขัดแย้งทางสังคมในประเทศศรีลังกาในเดือนมีนาคม พ.ศ.2514 (ก่อนเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ 2 ปี)

เกี่ยวกับการปราบปรามขบวนการคนหนุ่มสาวผู้มีการศึกษากลุ่มใหญ่ในขณะนั้นที่ชื่อขบวนการ “Janata Vimukthi Peramuna” (มีสมาชิกกลุ่มประมาณ 4 หมื่นคน) อย่างโหดร้ายทารุณ ของรัฐบาลศรีลังกาขณะนั้น

ไม่มีการเปิดเผยว่าในเหตุการณ์ “การใช้อำนาจรัฐปราบปรามประชาชน” ในครั้งนั้นมีคนตายเท่าไหร่ แต่เชื่อกันว่า มีคนตาย(ส่วนใหญ่เป็นสมาชิกในขบวนJ.V.P.) นับเป็นจำนวนพัน มีคนที่มอบตัวและถูกจับขังคุกไม่น้อยกว่า12,000 คน!

นั่นคือเหตุการณ์เมื่อปี พ.ศ.2514 ในประเทศเล็กๆที่ชื่อ ”ศรีลังกา” นะ! ไม่ใช่เหตุการณ์เมื่อโลกเข้าสู่ยุคทมิฬ ที่เรียกกันว่า ยุค “ดิจิทัล” อย่างยุคนี้ ที่บรรดา “รัฐ” (โดยเฉพาะรัฐมหาอำนาจที่เป็น “จักรพรรดินิยม” ทั้งหลาย) มีอาวุธประเภท “ทำลายล้างแบบอุบาทว์ชาติชั่ว” มากหลากชนิดอย่างที่เห็นๆกันอยู่ในปัจจุบัน

เหตุที่เมื่อได้ยินคำว่า “วิกฤติ” แล้วเกิดคิดถึงหนังสือเล่มนี้ ไม่ใช่เพราะ “ชื่อ” ของหนังสือดังกล่าวเท่านั้น แต่ที่ประหวัดใจคิดถึงมากก็เพราะจำได้ว่า ส่วนที่เป็น “ทัศนะความคิดเห็น” ของกวีผู้รจนาคือ “สาวก โยฮัน เทวนันทะ” นั้นแหลมคมและเป็นสากลมาก

น่าที่จะได้นำมาทบทวนตอกย้ำให้เป็นที่ประจักษ์กว้างขวางยิ่งขึ้นในหมู่ผู้คนยุคปัจจุบันเท่าที่จะพอจะทำได้

เผื่ออาจจะมีใครได้ยินได้ฟังแล้วจะเกิดความ “ตระหนักรู้” ในบางเรื่องบางประเด็นขึ้นบ้าง!

ที่อยากเอา “ทัศนะความคิดเห็น” บางส่วนในหนังสือเล่มที่ว่ามาบอกเล่าไว้อีกครั้งในที่นี้ก็ เพราะ ไม่แน่ใจว่าหนังสือเล่มเล็กมาก(แต่สำคัญมาก)เล่มที่ชื่อ “ลังกาวิกฤติ : วันสังหารประชาชน” ที่ว่า จะยังมีวางขายหรือวางแผงอยู่ในยุคที่คนไม่อ่าน “หนังสือ” กันแล้วนี้หรือเปล่า?

ไม่ต้องเสียเวลาไปตามหาหนังสือตามเข้ามาเถอะ จะพาไปฟังทัศนะความเห็นของ “กวีศรีลังกา” เมื่อครั้งกระโน้น ว่า เขาคิดและนำเสนอถึงเหตุแห่งความ “วิกฤติสังคม” อย่างที่เราเห็นๆกันอยู่ตอนนี้ ทั้งของโลกและของประเทศไทยเรานั้นว่ามันน่าจะเกิดขึ้นเพราะอะไรกันแน่!!