บารอน (30/1/62)

หนังสือพิมพ์สยามรัฐ ขายข่าวขายความจริงให้ประชาชนคนไทยได้อ่านมาอย่างต่อเนื่องยาวนานที่สุดในประเทศไทย ฉบับนี้ประจำวันพุธที่ 30 มกราคม พ.ศ.2562 กลิ่นอายตรุษจีนใกล้จะถึงแล้ว...*... เป็นพระมหากรุณาธิคุณของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่จะเสด็จฯเป็นองค์ประธานเปิดงาน “ตรุษจีนเยาวราช 2562 “ ณ ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบ พระชนมพรรษา ในวันอังคารที่ 5 กุมภาพันธ์ เวลา 15.30 น. ...*... ครับ ตรุษจีน หรือ วันขึ้นปีใหม่จีน ปีนี้ ถือ ว่ามาเร็ว ไล่หลัง วันปีใหม่แค่เดือนเศษๆ เท่านั้นเอง ว่ากัน ตามประเพณีจีนดั่งเดิม ชาวจีนจะเริ่มต้น ตั้งแต่ พิธีไหว้ส่งเจ้าขึ้นสวรรค์ เมื่อวันวาน วันอังคารที่ 29 ที่ผ่านมา หลังจากนั้น ในวันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ เรียกกันว่า วันจ่าย คือ ไปจับจ่ายซื้อของเซ่นไหว้บรรพบุรุษ และวันรุ่งขึ้น วันจันทร์ที่ 4 เป็นวันไหว้บรรพบุรุษ วันอังคารที่ 5 กุมภาพันธ์ ถึงจะเป็น วันตรุษจีน ปิดท้ายด้วย พิธีรับเจ้ากลับจากสวรรค์ ใน วันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ ...*... รับตรุษจีนพอดี คือ วันเปิดรับผู้สมัครเลือกตั้ง ส.ส.ทั้ง ส.ส.350 เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 150 คน พร้อมทั้ง พรรคการเมืองต้องเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีไม่เกินพรรคละ 3 ชื่อ เริ่มสตาร์ทวันแรก วันจันทร์ที่ 4 – วันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ นี้ ไล่นับนิ้วดู เหลืออีกแค่ 5 วัน เท่านั้น จะได้เห็นหน้าค่าตาผู้สมัคร สส.เขตและบัญชีรายชื่อ และ รายชื่อนายกรัฐมนตรีของแต่ละพรรค ที่จะ ส่งผลการตัดสินใจของประชาชนว่าจะเลือกพรรคไหนดี เพราะ ทั้งหมดจะใช้บัตรเลือกตั้งเพียงใบเดียว บังคับไม่ให้รักพี่เสียดายน้อง รักพี่ก็ต้องเลือกพี่ จะไปเสียดายน้อง เลือกน้องก็ได้ เหมือนเดิมไม่ได้แล้ว ...*... ก็ถึงบางอ้อ รอเวลาที่เหมาะสม ของ 4 รัฐมนตรี นำโดย ดร.อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีอุตสาหกรรม ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีวิทยาศาสตร์ฯ ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีพาณิชย์ เปิดหมวกอำลาเก้าอี้รัฐมนตรีพร้อมกัน เมื่อวันวาน ด้วยผลงาน 2 ชิ้นโบว์แดง สุดท้าย คือ กำหนดให้นำยาและเวชภัณฑ์และบริการทางการแพทย์เข้าเป็นสินค้าควบคุม และ ใช้อำนาจหัวหน้สา คสช. โดย ม.44 ยกเลิกคำขอจดสิทธิบัตรสารสกัดกัญชาธรรมชาติ ปลดล็อก ให้นำกัญชาไปศึกษาวิจัยเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ ...*... ปัญหาเรื่องค่ายา ค่าเวชภัณฑ์และบริการทางการแพทย์ ของ โรงพยาบาลเอกชน ที่ ราคาแพงหูฉี่ โดยเฉพาะ ค่ายาราคาแพงกว่าข้างนอก ตั้งแต่ 40 – 50 เท่า จนถึง 500-600 เท่า นั้น ไม่ใช่แค่ปัญหาคาใจประชาชนทั่วๆไป เท่านั้น บารอน ย้อนหลังไปราวสิบปีที่ผ่านมา จำได้ว่าแม้แต่ นพ.สัญญา วีระไวทยะ เป็นทั้งหมอและ เป็นเจ้าของโรงพยาบาลเอกชน คือ โรงพยาบาลพัทยาอินเตอร์ ก็ เคยแสดงความไม่เห็นด้วย ถึงขนาดออกสื่อสิ่งพิมพ์และสื่อ ทีวี. แต่ก็ไม่มีรัฐบาลไหนสนใจที่จะแก้ไข...*... ว่าไปแล้ว คุณหมอสัญญา วีระไวทยะ ก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล เรียกได้ว่า เป็นคนใกล้ตัว ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รู้จักมักจี่กันดี ตั้งแต่สมัย บิ๊กตู่ ยังเป็นแค่ ผู้บังคับกองพัน และ ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 21 รอ. ซะด้วยซ้ำไป ไม่รู้ลืมนึกถึงไปได้อย่างไร น่าที่จะเชิญมาให้คำปรึกษา จะได้รู้ตื่นลึกหนาบางโรงพยาบาลเอกชนขูดรีดขูดเนื้อคนไทยยังไง ? เจ้าของโรงพยาบาลเอกชนด้วยกันย่อมรู้ทันเล่ห์เหลี่ยมกันดี ...*... แต่กับ 4 เก้าอี้รัฐมนตรีที่ว่างลง กระทรวงพาณิชย์ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ลาออก น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ รักษาการ ในส่วนของ นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ที่ลาออกจากรัฐมนตรีสำนักนายกฯ นั้น มี นายสุวพันธ์ุ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รักษาการแทน ในรายของ นายอุตตม สาวนายน ที่ลาออกจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม มี นายสมชาย หาญหิรัญ รัฐมนตรีช่วยอุตสาหกรรม รักษาการแทน ส่วนกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เมื่อ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ ลาออกเป็นหน้าที่ของ นายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (อีดี) ที่ต้องดูแทน ...*... อา แล้ว โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน อู่ตะเภา – สุวรรณภูมิ - ดอนเมือง กลายเป็นหนังเรื่องยาว ต้องยืดการเจรจาออกไปเดือนหน้า และประมาณว่าจะแล้วเสร็จ เซ็นสัญญาร่วมทุนภาครัฐเอกชน ประมาณ เดือนมีนาคม ก่อนวันเลือกตั้ง ล่าช้าไปเกือบสองเดือน ...*... ที่นี่ บารอน ก็พอเข้าใจครับ โครงการขนาดใหญ่ลงทุนหลายแสนล้านบาท ที่กว่าจะคืนทุนต้องใช้เวลานาน 30 – 50 ปี จึงเป็นโครงการที่มีความเสี่ยงสูง จำเป็นที่ รัฐและเอกชนต้องลงทุนร่วมกัน เพื่อที่ รองรับความเสี่ยงด้วยกัน เพียงแต่ ภาคเอกชนรับความเสี่ยงมากกว่าภาครัฐ เพื่อร่วมกันไปสู่เป้าหมายเดียวกัน คือ การพัฒนาประเทศให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และ เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมมากที่สุด...*... แต่ เป็นของใหม่ สำหรับ ภาครัฐ โดยเฉพาะ เจ้าหน้าที่รัฐ ที่ คุ้นเคยกับระบบให้สัมปทาน เป็นเสือนอนกิน จึงทำใจยากต่อการตัดสินใจร่วมรับความเสี่ยงกับภาคเอกชนได้ แม้แค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น บรรทัดนี้ บารอน ขอให้ย้อนดูอดีต ทุกโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นระบบให้สัมปทาน ทำให้ การพัฒนาไปสู่วัตกรรมใหม่ๆเป็นไปอย่างล่าช้า และข้อสำคัญ เกิดความผิดพลาดมากมาย เสียหายก็ผลประโนยชน์ประเทศชาติและประชาชนในระยะยาว ...*... ตรงกันข้าม ในหลายๆประเทศพัฒนา สร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ด้วยวิธีการร่วมทุนกับเอกชน นอกจาก ให้สัมปทานแล้ว ยัง ร่วมรับผิดชอบ โดย ร่วมรับความเสี่ยงด้วย เป็นการ สร้างความมั่นใจให้นักลงทุน และ สถาบันการเงิน ครับ โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน สายนี้ ภาครัฐ ต้องใช้ คนกล้าตัดสินใจมารับผิดชอบ ไม่เช่นนั้น โครงการนี้ไม่ได้เกิดแน่นอนครับ