จากความคาดหวัง ที่ประชาชนมีต่อ “รัฐบาล” ได้แปรเปลี่ยน ไปสู่ “แรงกดดัน” ทันที เมื่อท่าทีจากรัฐบาล โดยเฉพาะ “ผู้นำ” อย่าง “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ถูกตั้งคำถามว่าวันนี้ทำเต็มที่แล้วหรือยัง ยิ่งเมื่อประชาชน ต่างพากัน สนับสนุน ให้กำลังใจให้ความร่วมมือ “กองทัพ” ในทุกพื้นที่ ไม่ใช่เพราะความรู้สึกกระหายสงคราม แต่เป็นเพราะ กองทัพแสดงท่าทีชัดเจนว่าไม่อ่อนข้อ และไม่เล่นตาม “รัฐบาลกัมพูชา”
การประกาศปิดชายแดนไทย-กัมพูชา มีขึ้นในเช้าของวันที่ 8 มิ.ย.68 ถือเป็นมาตรการตอบโต้ที่หลายฝ่ายเรียกร้องจากรัฐบาลให้แสดงความชัดเรื่องนี้มาตลอด แต่กลับไม่เกิดขึ้น มีเพียงการออกแถลงการณ์ของรัฐบาล 2 ฉบับ และการส่งความพยายามขอให้กัมพูชา เข้าสู่โต๊ะการเจรจาในการประชุม JBC ในวันที่ 14 มิ.ย.นี้ที่กรุงพนมเปญ
แต่ดูเหมือนว่า “มิตร” ของ ครอบครัวชินวัตร ทั้ง “ฮุน เซน” ประธานวุฒิสภา และ “พล.อ.ฮุน มาเนต” นายกฯกัมพูชา กลับไม่ได้สนใจ “มิตรภาพ” ที่ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ และ นายกฯอิ๊งค์ พยายามกล่าวอ้างแต่อย่างใด
ตลอดห้วงหลายวันที่ผ่านมาปฏิเสธไม่ได้ว่า นายกฯแพทองธาร ทำให้พรรคเพื่อไทย ในฐานะพรรคแกนนำรัฐบาล อยู่ในสภาพ “เสียรังวัด” ไม่น้อย และปัญหาข้อนี้ยังส่อเค้าลุกลาม ลดทอน “คะแนนนิยม” ของพรรคเพื่อไทยเอง จากที่ไม่พร้อมจะลงสนามเลือกตั้งใหม่ ให้หนักหนามากขึ้นทุกที
ข้อเสนอจากหลายต่อหลายฝ่ายที่พุ่งไปสู่ ตัวนายกฯแพทองธาร ทั้งการที่วุฒิสภา เรียกร้องให้เปิดประชุมร่วมรัฐสภา และการที่ “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย เสนอให้นายกฯแสดงความกล้าหาญด้วยการเป็น “ผู้นำการเจรจา” กับ รัฐบาลด้วยตัวเอง ล้วนแล้วแต่เป็นวาระที่อาจเกิดขึ้นได้ยาก หรืออาจไม่เกิดขึ้นได้เลย เพราะอย่าลืมว่านี่คือความสุ่มเสี่ยง ที่ทักษิณ คงไม่ต้องการปล่อยให้ ลูกสาว “ตายเดี่ยว”
การเสียรังวัดของพรรคเพื่อไทย จากการบริหารของนายกฯ ที่กำลังประสบกับ “ภวะผู้นำ” ที่ถูกตั้งคำถาม อาจมีผลไปถึงการเล่นเกม “ปรับครม.” จากที่เคยเป็นฝ่าย “บีบ” พรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทย เกมอาจจะต้องเปลี่ยน ก็คราวนี้ !