ปัญหาใหญ่สำหรับรัฐบาล “แพทองธาร” ในสถานการณ์ที่เผชิญทั้งศึกใน “พรรคร่วมรัฐบาล” ด้วยกันเอง มิหนำซ้ำยังเจอกับปัญหาด้านความมั่นคงรอบด้าน ทั้งไฟใต้ภายในประเทศ
ขณะเดียวกันปัญหาข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา กำลังกลายเป็น “โจทย์ใหญ่” ที่ว่ากันว่าถึงขั้นชี้เป็นชี้ตายต่อ พรรคเพื่อไทยและ “ผู้นำรัฐบาล” มากกว่าปัญหาการเมืองด้วยซ้ำ !
สารพัดปัญหาที่โถมเข้าใส่เวลานี้ ดูเหมือนว่าโอกาสที่จะแก้ไข คลี่คลายด้วยการ “ปรับครม.” เปลี่ยนตัวรัฐมนตรี ไม่ว่าจะเป็น “ปรับเล็ก” หรือ “ปรับใหญ่” รื้อโควตา พรรคร่วมรัฐบาลกันใหม่
เอากระทรวงเกรด A -Bและ C มาเกลี่ยกันใหม่ ก็อาจยังไม่ใช่คำตอบ หรือปัจจัยที่จะทำให้รัฐบาล “แพทองธาร ½” ซึ่งอยู่ในระหว่างจัดโผ ดีขึ้นมาได้อย่างแท้จริง
การปรับครม.ที่ทำไปทำมาแล้ว น่าจะเป็น “ความต้องการ” ของ “พรรคเพื่อไทย” ในฐานะพรรคแกนนำรัฐบาล เป็นหลัก ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาล พรรคอื่น ๆ ยังมองไม่เห็นถึงความจำเป็นด้วยซ้ำ เพราะ “ที่นั่ง” ที่ครองกันอยู่เวลานี้ ล้วนผ่านการต่อรองกันมาตั้งแต่แรกเริ่ม เมื่อคราว ตั้งรัฐบาลผสมชนิดข้ามขั้ว ตั้งแต่สมัย “เศรษฐา ทวีสิน” อยู่แล้ว
บรรดาโผครม. ชุดใหม่ที่ว่อนผ่านสื่อ ทั้งจริงและลวง ยามนี้ส่วนหนึ่งคือการโยนหินถามทาง ทั้งจากภายในพรรคเพื่อไทยด้วยกันเอง เพราะอย่าลืมว่า ในพรรคเพื่อไทยเองต่างมีคนต่อแถวรอคิวขึ้นเป็นรัฐมนตรีด้วยกันหลายราย ไปจนถึงจากพรรคร่วมรัฐบาล ที่ล่าสุดใช้วิธีปล่อยข่าว ปล่อยโผเพื่อ “เขย่า” อีกฝ่ายหนึ่ง
สำหรับพรรคร่วมรัฐบาล ที่รายล้อมอยู่รอบพรรคเพื่อไทย อาจไม่ต้องการปรับเปลี่ยน เมื่อเทียบกับ พรรคเพื่อไทยแล้ว ย่อมต้องการ “ปรับโหมด” เดินเครื่องเร็ว เพราะเวลาของรัฐบาลเริ่มนับถอยหลังแล้ว แน่นอนว่าภาวะ “อยู่ยาก” เช่นนี้ “พ่อนายกฯ” อย่าง “ทักษิณ ชินวัติ” อดีตนายกฯ อ่านเกมออกได้ไม่ยาก จากที่เคยหวังว่า “ดีลลับ” อาจเป็นเกราะป้องกันเขาจาก “ฝั่งตรงข้าม”
แต่อย่าลืมว่า “นิติสงคราม” ที่พัวพันกับตัวทักษิณ ไปจนถึงนายกฯแพทองธารอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ผู้นำรัฐบาล “ไพ่ใบสุดท้าย” จาก “ครอบครัวชินวัตร” มีสิทธิต้องไปก่อนครบวาระ
ดังนั้นการปรับครม. จะมีขึ้นช้าหรือเร็ว จะปรับเล็ก หรือปรับใหญ่ รื้อกระดานกันทั้งหมด จัดโควต้าและกระทรวงกันใหม่ ภายในพรรคร่วมรัฐบาล จึงไม่ใช่เครื่องมือ “ต่ออายุ” ให้กับรัฐบาล แต่อย่างใด