โจรยุคใหม่ปรับตัวตามโลกออนไลน์ได้อย่างแนบเนียน โดยเฉพาะ “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” ที่เปลี่ยนรูปแบบการหลอกลวงจากคำขู่คดีความ สู่การใช้วิธีจูงใจด้วย “ผลประโยชน์เกินจริง” เช่น การลงทุน การถูกลอตเตอรี่ หรือการทำธุรกิจระหว่างประเทศ ซึ่งมีเหยื่อจำนวนไม่น้อยที่ต้องสูญเงินเก็บทั้งชีวิต เพียงเพราะ “เชื่อว่าอีกฝ่ายเป็นคนดี”

หนึ่งในกรณีตัวอย่างสะเทือนใจ คือหญิงวัยเกษียณที่ใช้ชีวิตเรียบง่ายหลังจากลาออกจากงานราชการ มีลูกหลานดูแลและมีเงินเก็บจำนวนหนึ่งจากทั้งชีวิตการทำงาน กลับต้องสูญเสียเงินกว่า 8 ล้านบาทให้กับมิจฉาชีพที่หลอกว่าเป็นญาติหรือเพื่อนของลูก ใช้ช่องทางแอปพลิเคชันแชทที่หลายคนคุ้นเคยอย่าง LINE ในการเข้าถึง พูดจาดี ใช้ถ้อยคำสุภาพ และสร้างเรื่องราวที่ดูน่าเชื่อถือเกี่ยวกับการลงทุน “หวยในต่างประเทศ”

จุดเริ่มต้นดูเหมือนไม่อันตราย เมื่ออีกฝ่ายชักชวนลงทุนเพียง 2 หมื่นบาท และ “ถูกรางวัล” ได้เงินกลับคืน พร้อมโอนผลตอบแทนกลับมาให้จริงในบัญชี ซึ่งเป็นกลยุทธ์สำคัญในการสร้างความเชื่อใจ ก่อนจะค่อยๆ ขยับวงเงินการลงทุนทีละระดับ พร้อมเรื่องราวซับซ้อนขึ้น เช่น ต้องเสียภาษี โอนเงินตรวจสอบบัญชี ไปจนถึงอ้างว่าลงเลขบัญชีผิด ต้องหาเงินมาวางมัดจำใหม่ เมื่อเหยื่อเริ่มลังเล พวกเขาจะใช้อารมณ์ความผูกพัน ความรู้สึกผิด และความหวังมาบีบคั้น ทำให้ผู้เสียหาย “ยอม” ไปเรื่อย ๆ แม้เริ่มไม่มีเงินแล้ว

สิ่งที่น่าเศร้าที่สุด คือการที่คนใกล้ตัว เช่น ลูกหลาน หรือแม้แต่พนักงานธนาคาร พยายามเตือนและห้ามปราม แต่ผู้เสียหายกลับไม่ฟัง เพราะเชื่อว่าตนเองกำลัง “ได้โอกาส” และคนที่มาเตือนคือคนที่ “ไม่เข้าใจ” ความฝันของตน

กรณีนี้สะท้อนปัญหาที่ใหญ่กว่าเรื่องการเงิน นั่นคือ “ช่องว่างระหว่างวัย” และ “การสื่อสารในครอบครัว” เมื่อผู้สูงวัยรู้สึกว่าตนยังมีความสามารถในการจัดการชีวิต ไม่อยากให้ลูกมาควบคุม หรือบางครั้งรู้สึกว่าตนเองเจอสิ่งดี ๆ และไม่อยากให้ใครมาทำลายโอกาสนั้น

ดังนั้น การป้องกันเหตุการณ์เช่นนี้ต้องเริ่มจากการสร้าง “ภูมิคุ้มกันทางความคิด” ให้กับคนในครอบครัว โดยเฉพาะผู้สูงวัย ให้เข้าใจว่า “ผลตอบแทนสูงมักมาพร้อมความเสี่ยงสูงเสมอ” และหากมีใครชวนลงทุนหรือทำธุรกิจผ่านทางออนไลน์ โดยเฉพาะคนแปลกหน้าหรือคนที่อ้างว่าเป็นญาติในต่างแดน ให้ตั้งข้อสงสัยไว้ก่อนเสมอว่า “นี่คือกลลวงหรือไม่” และไม่โอนเงินเด็ดขาด จนกว่าจะตรวจสอบกับหน่วยงานที่เชื่อถือได้ เช่น ศูนย์รับแจ้งความ 1441 หรือธนาคารเจ้าของบัญชี

บทเรียนจากเรื่องนี้ไม่เพียงแค่เรื่องเงิน แต่คือการสะท้อนให้เห็นว่าความหวัง ความฝัน และความโดดเดี่ยว อาจกลายเป็นจุดเปราะบางที่มิจฉาชีพมองเห็นได้อย่างชัดเจน หากไม่มีใครช่วยชี้ให้เห็นว่า “สิ่งที่ดูดีเกินจริง มักไม่ใช่เรื่องจริง”

ขอให้ทุกครอบครัวหันมาพูดคุยกันมากขึ้น เชื่อใจกัน และใส่ใจกัน เพื่อไม่ให้ใครต้องกลายเป็นเหยื่ออีกต่อไป