เมื่อ “นายกฯทางการ”  อย่าง “แพทองธาร ชินวัตร” ไปปฏิบัติภารกิจที่ประเทศมาเลเซีย ร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน - คณะมนตรีความร่วมมือ รัฐอ่าวอาหรับ ครั้งที่ 2 ส่วนในประเทศไทย ปล่อยเวทีการเมืองให้ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯคนที่ 23 ผู้เป็น “พ่อ” ดำเนินบทบาท และดึงดูดทุกความสนใจเอาไว้เพียงจุดเดียว

การปรากฏตัวของทักษิณ ขึ้นเวทีปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ "ยาเสพติด อาชญากรรมข้ามชาติ มุมมองและความท้าทายต่อการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน" ในการประชุมคณะกรรมการติดตาม เร่งรัดการดำเนินงานป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด ครั้งที่ 3/2568 ที่สำนักงานป.ป.ส. เมื่อวันอังคารที่ 27 พ.ค.68 ที่ผ่านมา คือภาพที่ “สยบ” ทุกข่าวลือที่เคยสะพัดมาก่อนหน้านี้ ว่าเจ้าตัวหนีออกนอกประเทศไปแล้ว โดยช่องทางธรรมชาติ

โดยเป็นการไปก่อนวันที่ 13 มิ.ย.68 วันที่ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดพร้อมนัดไต่สวน กรณีเข้ารับการรักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ นั้นชอบด้วยกระบวนการรับโทษทางกฎหมายแล้วหรือไม่

ทักษิณ บอกกับสื่อที่ไปรายงานข่าวกันอย่างคับคั่งเพียงสั้นๆว่า เขาเองแก่แล้ว อายุ 70 กว่าปีแล้ว “ ยังอยู่ดี กินดี ไม่ได้ไปไหน"

ประเด็นสำคัญ นอกเหนือไปจากการมาโชว์ตัวต่อสาธารณะ ของทักษิณ ครั้งนี้มีขึ้นในท่ามกลางทิศทางลมการเมือง โหมเข้าใส่ทั้ง “พรรคเพื่อไทย” และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลายสิ่ง หลายอย่างกำลังพุ่งเป้าไปที่นายกฯแพทองธาร บีบให้เธออยู่ในวงล้อม ของฝั่งตรงข้าม ไปอย่างสิ้นเชิง

ทั้งปัญหาความขัดแย้ง การฟาดฟันกันระหว่าง “พรรคเพื่อไทย” กับ “พรรคภูมิใจไทย” ผ่านคดีฮั้วเลือกสว.2567 โดยที่สถานการณ์ส่อบานปลาย หวั่นจะกระทบไปถึงการประชุมสภาฯ พิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณ ฯ ประจำปี 2569

มิหนำซ้ำ “ศัตรู” ยังมาจับมือกัน ทั้ง “สนธิ ลิ้มทองกุล” อดีตแกนนำม็อบพันธมิตรฯ กับ “จตุพร พรหมพันธุ์” แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน มีเป้าหมาย ท้ารบกับทักษิณ ส่วนจะขยายแผลไปถึงขั้น “ขับไล่” ทักษิณให้ต้องออกนอกประเทศ อีกครั้งหรือไม่นั้น ย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย

เพราะอย่าลืมว่าความขัดแย้งทางการเมืองในอดีต ที่ผ่านมา คราวที่ทั้งทักษิณ และอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องหนี และโดนรัฐประหารสองรอบนั้น มีเงื่อนไขและปัจจัยที่มากพอในการไปดึงเอา “กองทัพ” เข้ามาทำหน้าที่เป็น “กรรมการ” ห้ามมวย จากศึกเสื้อสี

ทว่าครั้งนี้ กองทัพเว้นระยะห่างกับความขัดแย้งจากนักการเมืองอย่างชัดเจน ดังนั้นแม้ฝ่ายต่อต้านทักษิณ หวังว่าจะได้เห็นการรัฐประหาร จึงเป็นไปได้ยาก เว้นแต่ทักษิณ และแพทองธาร จะไปด้วย “นิติสงคราม” ผ่านคดีความ ต่างๆที่พัวพันถึงตัว

ด้วยเหตุนี้ จึงไม่ต้องแปลกใจที่ ถนนแทบทุกสาย จากฝ่ายไม่เอาระบอบทักษิณ จึงโหมโรงการเมืองก่อนไปถึงวันที่ 13 มิ.ย.นี้ วันที่ศาลฎีกาฯ นัดทักษิณ ในคดีชั้น 14 นั่นเอง !!