สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยสถิติที่น่ากังวลเกี่ยวกับภัยการเงินยุคดิจิทัล โดยระบุว่า ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2568 ได้รับแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับการหลอกลงทุนรวมทั้งสิ้น 2,735 ครั้ง ผ่าน 6 ช่องทาง ได้แก่ เว็บไซต์ ก.ล.ต. (www.sec.or.th/scamalert), เบอร์โทร 1207 กด 22, อีเมล, การเดินทางมายังสำนักงานโดยตรง, ระบบแชต และไปรษณีย์
จากการตรวจสอบ พบว่า มีบัญชีโซเชียลมีเดียที่เข้าข่ายหลอกลงทุนถึง 1,849 บัญชี ที่ถูกประสานกับแพลตฟอร์มเพื่อดำเนินการปิดกั้น ได้แก่
Facebook จำนวน 1,147 บัญชี
TikTok จำนวน 580 บัญชี
LINE จำนวน 44 บัญชี
Instagram จำนวน 21 บัญชี
โดยผู้ให้บริการสามารถปิดกั้นบัญชีหลอกลวงได้ถึง 99.94% ภายในระยะเวลาเฉลี่ย 7 นาที – 48 ชั่วโมง พร้อมกันนี้ ก.ล.ต. ยังได้ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับกรณีหลอกลงทุนจำนวน 886 ครั้ง
เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2567 ที่ผ่านมา ก.ล.ต. ได้แจ้งขอปิดกั้นบัญชีต้องสงสัยรวม 3,388 บัญชี โดย TikTok ครองอันดับหนึ่งของช่องทางที่ถูกใช้หลอกลวงมากที่สุด
หลังจากการบังคับใช้ พระราชกำหนดว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับแก้ไข) และ พระราชกำหนดสินทรัพย์ดิจิทัลฯ เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2568 หน่วยงานภาครัฐสามารถดำเนินการกับบัญชีม้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
โดยมีรายงานว่า ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ได้ระงับบัญชีต้องสงสัยที่ได้รับข้อมูลจาก กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ไปแล้วกว่า 27,000 บัญชี รวมมูลค่าทรัพย์สินกว่า 169.29 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 18 เมษายน 2568)
อย่างไรก็ตาม เราเห็นว่าการให้ธนาคารและค่ายสัญญาณมือถือในไทยร่วมรับผิดชอบด้วย โดยมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงนั้น น่าจะช่วยยกระดับการแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ดีขึ้น แม้จะยังใม่หมดไปจากสังคมไทย
ทั้งนี้ทั้งนั้น ผู้ที่คิดจะรวยแบบง่ายๆ ด้วยการรับเปิดบัญชีม้า มีคำพิพากษาเป็นอุทาหรณ์แล้วว่ามีโทษางอาญาร้ายแรง ถือเป็นการ สนับสนุนการกระทำผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น