ภาพการสวมกอดกันระหว่าง สมธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) กับ จตุพร พรหมพันธุ์ อดีตแกนนำคนเสื้อแดง เมื่อวันที่ 25 พ.ค.68 ที่ผ่านมา ได้นำไปสู่การตีความถึงนัยยะทางการเมืองตามมาทันที ว่านี่สถานการณ์ของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กำลังจะเดินเข้าสู่จุดอับหรือไม่
อย่าลืมว่าแม้ในอดีต จตุพร คือ ลูกน้องเก่า แต่วันนี้ เขาคือหนึ่งในหัวหอกสำคัญที่ยืนอยู่ตรงข้าม นายเก่า และน่าจะเป็นคนที่ รู้ทัน ทักษิณมากกว่าใคร และเมื่อเข้าสวมกอด กับสนธิ แกนนำม็อบเสื้อเหลือง ที่ประกาศเป็นศัตรูกับระบอบทักษิณ เคลื่อนไหวระดมพล ต่อต้านคนในตระกูลชินวัตรมาอย่างดุเดือด
เท่ากับว่า เมื่อลูกน้องเก่าไปสวมกอด กับ ศัตรู พร้อมทั้งประกาศ สู้กับเครือข่ายทักษิณ ในปี 2568 อีกครั้งที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จึงทำให้เหตุการณ์ครั้งนี้ ถูกจับตาว่า จะนำไปสู่การปลุกม็อบ ระดมมวลชนขึ้นมาขับไล่ รัฐบาลของทักษิณ ในยุคที่มี ลูกสาว อย่าง แพทองธาร ชินวัตร นั่งเป็นนายกฯคนที่ 31 จนทำให้ประวัติศาสตร์ทางการเมืองซ้ำรอยอีกรอบ
อย่างไรก็ดี สำหรับคนของพรรคเพื่อไทยแล้ว ย่อมมองในมิติที่แตกต่างออกไป ว่าภาพการสวมกอดระหว่างสนธิ กับจตุพร นั้นไม่มีอะไรในกอไผ่ พร้อมส่งเสียงเตือนว่า อย่าทำอะไรผิดกฎหมายก็แล้วกัน !!
วิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และในฐานะประธานวิปรัฐบาล บอกชัดเจนว่าไม่ได้ให้ความสำคัญ
อย่าทำให้การเมืองกลับไปอยู่แบบเดิมในอดีต เกิดความแตกแยก เดินชุมนุมประท้วง วันนี้ควรบอกว่า อะไรที่ทำแล้วเกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติบ้านเมือง การยึดสนามบิน สุดท้ายก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร
เป็นความยุ่งยากของประชาชน เพราะฉะนั้น มีอะไรอยากพูดอย่างแนะนำบอกได้ เชื่อว่านายกรัฐมนตรี รับฟังทุกปัญหา ในแนวทางที่ไม่มีอคติ (26 พ.ค.68)
การประกาศจับมือกันของสนธิ กับจตุพร คือภาพสะท้อนที่เห็นได้ชัดว่า ศัตรู ของทักษิณนั้นเพิ่มขึ้น และยังเป็นความเคลื่อนไหวเพื่อรอตั้งรับวันที่ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดพร้อมในวันที่ 13มิ.ย.นี้ เพื่อพิจารณากรณี ชั้น 14
แต่สำหรับทักษิณ แล้วเขาอาจมองและประเมินในมุมที่ต่างออกไป อย่างสิ้นเชิงว่า ตราบใดที่ ดีลลับ ยังไม่ถูกล้มลงไป ไม่ว่าใคร จะเคลื่อนไหว ต่อต้าน แต่ย่อมไม่มีทาง ล้มรัฐบาล หรือ คว่ำ เขาลงได้อยู่ดี !