การเมืองไทย เหมือนเดินหน้าเข้าสู่ เดทล็อค เมื่อ รัฐบาลผสม คุกรุ่นไปด้วยความขัดแย้ง ทั้ง พรรคเพื่อไทย กับ พรรคภูมิใจไทย เปิดศึกกีฬาสี กันดุเดือด
ขณะเดียวกัน เสถียรภาพ ของรัฐบาล ที่จะต้องอาศัยการโหวตให้ออกมาเป็นทิศทางเดียวกัน ในการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ ประจำปี 2569 ในสัปดาห์หน้า 28-31 พ.ค.68 ผลการโหวตผ่านร่างกฎหมายการเงิน ออกมาต้อง ผ่านฉลุย เท่านั้น ในวาระแรก
ศึกสีแดงกับสีน้ำเงิน กำลังถูกจับตาว่านี่อาจเป็นเงื่อนไข ที่ทำให้อายุรัฐบาลสั้นลง มีอันต้องไปเร็ว อยู่ไม่ครบเทอมถึงปี 2570
ประชาชน ไปจนถึงกูรูการเมือง ไม่น้อยกำลังมองว่า สถานการณ์ทางการเมืองอยู่นาภาวะที่ไม่เป็นปกติอยู่หรือไม่ ยิ่งเมื่อบวกกับ กรณี ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และรวมถึง แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต่างมีคดีความพัวพันซึ่งมีผลต่อทั้งตัวแองและยังส่อที่จะลามไปถึงรัฐบาล
จนมีคำถามว่า ดีลลับ ที่อยู่เบื้องหลังของการจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้วหลังการเลือกตั้งเมื่อปี 2566 ที่ผานมานั้น หมดอายุ แล้วหรือไม่ ?
ทางออกของปัญหาทางการเมือง ที่กำลังกลายเป็นปัจจัยฉุดรั้งการบริหารประเทศ กระทบถึงขั้นจวนเจียน ปิดทางทางการเมือง ส่งผลทำให้ กองแช่ง ทักษิณ หวังวว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างใด อย่างหนึ่งตามมาหรือไม่ โดยที่ ทางออกจากปัญหาการเมือง อาจต้องอาศัย ช่องทางพิเศษ หรือการ ลัดขั้นตอน ด้วยวิธี การรัฐประหาร
ล่าสุด ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.กลาโหม ตอบคำถามสื่อที่กังวลว่า สังคมวันนี้ไร้ทางออก แต่การรัฐประหารควรเป็นบทเรียนให้ทุกฝ่ายตระหนัก ระบบประชาธิปไตยมีกติกาที่ต้องอาศัยความอดกลั้น การใช้กระบวนการที่มีอยู่ในระบบ และเท่าที่ตนเองทำงานร่วมกับ ผบ.เหล่าทัพ ก็พบว่าต่างมีมุมมองที่ก้าวหน้าและทันสมัยมากขึ้น เข้าใจบริบทโลกและผลกระทบจากการใช้อำนาจทางการเมือง
แต่ขณะเดียวกันภูมิธรรม ยังตอบไม่ได้เช่นกันว่าเหตุการณ์รัฐประหาร 2557 จะเป็นครั้งสุดท้ายของประเทศไทยหรือไม่
แน่นอนว่า วันนี้การเมืองไทยได้เปลี่ยนแปลงไปตามบริบทโลก และภูมิรัฐศาสตร์ที่ปรับโหมดเปลี่ยนไปอย่างมาก รัฐประหาร ด้วยรูปแบบการขนกำลังทหารหรือรถถังออกมาจึงไม่ใช่คำตอบ เว้นแต่ นักการเมือง จะพาตัวเอง ไปติดล็อคกับคดีความ เข้าสู่แดนนิติสงครามกันเอง ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง !