สถาพร ศรีสัจจัง
คนไทยโบราณไม่ได้สมองกลวง จาก “มรดก” ทั้งสิ้น ทั้งปวง ที่ส่งต่อสืบทอดมาจนถึงยุค “ลมตะวันตกกระหน่ำแรง” อย่างปัจจุบัน บอกเราว่า พวกเขาตอบโต้กับโลกธรรมชาติ โลกเหนือธรรมชาติ(พลังบางประการที่พวกเขายังไม่รู้) และต่อมนุษย์ด้วยกัน จนสิ่งเหล่านั้นหลายประการยังปรากฏมีให้เห็นอยู่ในปัจจุบัน ทั้งในรูปของมรดกที่จับต้องได้ และจับต้องไม่ได้ (Tangible and Intangible Heritages) ทั้งหมดนั้นส่งต่อสืบทอดผ่านภูมิปัญญาของบรรพชนไทยมาอย่างนาวนาน มีทั้งลักษณะร่วมกับสังคมอื่น และทั้งที่มีอัตลักษณ์เป็นของตัวเองอย่างจำเพาะ
ที่มีลักษณะร่วมก็คงเพราะมีธรรมชาติของความเป็นมนุษย์เหมือนๆกัน และที่มีอัตลักษณ์เฉพาะตนก็คงเพราะมีพัฒนาการมาจากเหตุภายในและภายนอกอันจำเพาะของตัวเอง พูดให้เป็นวิทยาศาสตร์หน่อยก็คือ มีเงื่อนไขภววิสัย(Objective)ทั้งทางโลกธรรมชาติและโลกสังคมที่แตกต่าง จึงก่อเกิดอัตตวิสัย(Subjective)ที่แตกต่างจำเพาะ
เรื่องหนึ่งที่น่าสนใจ (เพราะเป็นปัญหาทางสังคมอยู่ในปัจจุบัน) ก็คือเรื่องระบบการปกครอง!
เป็นที่รู้กันแล้ว่าว่าโครงสร้างของสังคมมนุษย์นั้นมีองค์ประกอบหลักอยู่ 2 ส่วน อาจจะเรียกง่ายๆว่าคือโครงสร้างส่วนล่าง (Base/Infra-Structure) กับโครงสร้างส่วนบน(Super Structure) อธิบายแบบหยาบๆก็ได้ว่าโครงสร้างส่วนล่างหรือส่วนฐานคือระบบเศรษฐกิจ ส่วนโครงสร้างส่วนบนคือระบบที่เกี่ยวกับการให้คุณค่าต่างๆหรือที่เราเรียกว่า “วัฒนธรรม” นั่นแหละ
ในองค์ประกอบส่วนหลังที่เรียกว่า “โครงสร้างส่วนบน” นั้น มีองค์ประกอบสำคัญอยู่ตัวหนึ่งที่สัมพันธ์ใกล้ชิดกับโครงสร้างส่วนแรกมาก นั่นคือสิ่งที่เรียกว่า “ระบบการเมือง” !
สิ่งที่เรียกว่า “ระบบการเมือง” ของสังคมนี่แหละที่ส่งผลต่อระบบความสัมพันธ์ทางการผลิตหรือระบบเศรษฐกิจของสังคมนั้นโดยตรง เพราะกลุ่มคนในสังคมที่สามารถกุม “อำนาจจัดตั้งทางการเมือง” ของสังคมไว้ได้ ย่อมจะสามารถยึดกุมอำนาจ “การจัดการสังคม” นั้นๆไว้ได้ด้วยเช่นกัน
“การจัดการสังคม” ของพวกเขาจึงมีความสัมพันธ์กับการจัดสรร “ผลประโยชน์” ที่เกิดขึ้นจากระบบการผลิตทั้งหลายทั้งปวงของสังคมโดยตรงด้วย !
ดังนั้น โดยเนื้อหาแล้วคน 2 กลุ่มนี้จึง “ต้อง” เป็น “พวกเดียว” กันเสมอ แม้อาจะแสดงตัวอยู่ในรูปแบบที่ต่างกันในสังคม คือจริงๆแล้วพวกเขาสามารถร่วมผลประโยชน์ หรือสุมหัว หรือประสานสามมัคคีเป็นหนึ่งเดียวกันได้อย่างไม่ยากเย็นโดยเนื้อหา เพราะสภาพทางธรรมชาติของ “ความสัมพันธ์ทางสังคม” จะเปิดช่องไว้ให้เช่นนั้นเสมอ!
ระบบทางสังคมที่เรียกว่า “ระบบประชาธิปไตยทุนนิยมเสรี” ที่เป็นผลผลิตโดยตรงจากครรโภทรของโลกตะวันตก ซึ่งปัจจุบันแทบจะกลายเป็นเหมือน"โรคระบาด"ใหญ่ของโลก คือติดต่อกันไปในทุกทวีป
จุดเกิดของระบบดังกล่าวนี้อยู่ที่ทวีปยุโรป(ที่เป็นประเทศจักรวรรดินิยมยุคแรกของโลก) แล้วระบาดติดต่อไปทางทวีปอเมริกาเหนือ(ที่คนพื้นฐานเดิมก็ทะลักมาจากยุโรปและสามารถพัฒนาตัวเองจนกลายเป็นประเทศจักรพรรดินิยมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกสมัยใหม่ปัจจุบันนั่นแหละ) สู่ทวีปออสเตรเลีย และท้ายสุดก็แพร่ไปทั่วโลกด้วย “พาหะ” อันทรงพลังบางประการ นั่นคือทั้ง เอเซีย อาฟริกา อเมริกาใต้
และเข้าสู่ประเทศไทยด้วย(ตั้งแต่ยังเป็น “สยาม” อยู่ละมั้ง) !
แล้วหลังจากที่ถูกโรคนี้ระบาดใส่ ที่ “ประเทศสยาม” (Siam)ของเรา ซึ่งกลายมาเป็น “ไทยแลนด์” (Thailand)แสนสนุกในปัจจุบัน เกิดมีอะไรขึ้นบ้างหนอ? (ต่อตอน 2)