ทีมข่าวคิดลึก การปรับเปลี่ยนในตำแหน่งบางเก้าอี้ ในคณะรัฐมนตรี (ครม.) จาก"ประยุทธ์ 3" ไปสู่ "ประยุทธ์ 4" ได้กลายเป็นประเด็นที่ถูกจับจ้องมองตาไม่กะพริบ เนื่องจากถือเป็นความเปลี่ยนแปลงที่มีขึ้นภายหลังจากที่มีการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งองคมนตรีจำนวน 10 รายเมื่อวันที่ 6 ธ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้มีรัฐมนตรีใน ครม. 2 ราย ต้องพ้นจากตำแหน่งเพื่อไปทำหน้าที่องคมนตรี ในรัชกาลที่ 10 2 รัฐมนตรีที่นำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงในรอบนี้คือ "บิ๊กหนุ่ย"พล.อ.ดาวพงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และ"บิ๊กต๊อก" พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นั่นหมายความว่า เก้าอี้ใน ครม.จะว่างลงทันที2 ตำแหน่ง ทว่าต้องไม่ลืมว่า ก่อนหน้านี้ครม. "ประยุทธ์3" ยังมีเก้าอี้ที่ว่างอยู่แล้ว 2 ตำแหน่ง คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดังนั้นเก้าอี้ใน ครม.จึงต้องการการปรับเปลี่ยน 4 ตำแหน่ง แต่ถึงกระนั้นเมื่อถึงคราวมีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งแห่งหนใน ครม.ไปสู่ "ประยุทธ์ 4" ย่อมส่งผลให้เกิดภาวะ "ไม่นิ่ง" ตามมา เพราะเวลานี้มีชื่อชั้นที่ถูกโยนลงมา มีมากกว่า 4 ราย เกินกว่าเก้าอี้ที่ว่างเว้นเอาไว้เนื่องจากอาจมีรายการปรับเปลี่ยนโยกย้ายสลับตัวผู้เล่น จากกระทรวงหนึ่ง ไปอยู่อีกกระทรวง หนึ่งในคราวเดียวกัน ! การขับเคลื่อนงานของรัฐบาลในช่วงการเปลี่ยนผ่านของบ้านเมืองและในทางการเมือง เมื่อเข้าสู่โรดแมปของ คสช. ในช่วงโค้งสุดท้ายนั้น ต้องยอมรับว่าก่อนหน้านี้เคยมีกระแสเรียกร้อง จาก "คนนอก" ที่สะท้อนไปยัง "บิ๊กตู่"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ให้เปลี่ยนตัวผู้เล่น ไปจนถึงการจี้ให้ปรับ "รัฐมนตรีโลกลืม" ในบางกระทรวงออก แต่ทั้งนี้ในความเป็นจริงแล้วการขับเคลื่อนงานของรัฐบาล โดยพล.อ.ประยุทธ์ นั้นอาจมีความแตกต่างไปจากรัฐบาลพลเรือน เนื่องจากไม่เน้นไปยังกระทรวงเกรดเอ เพียงมิติเดียว เนื่องจากมีหลายกระทรวงที่ขับเคลื่อนงาน แบบโลว์โปรไฟล์ แต่สามารถ "สนอง" ต่อโจทย์ของรัฐบาลได้อย่างน่าพอใจ อย่างไรก็ตามการปรับ ครม.รอบนี้ มีความเป็นไปได้ว่า การเปลี่ยนตัวผู้เล่นจะต้องคำนึงถึงการหาคนเข้ามาแก้ไขปัญหาที่กำลังส่งผลกระทบต่อคนส่วนใหญ่ นั่นคือปัญหาปากท้องปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตร เช่นเดียวกันกับการหา"เจ้ากระทรวงศึกษาฯ" ที่ต้องเป็นผู้ที่จะมาสานงานต่อจาก พล.อ.ดาว์พงษ์ โดยย่อมไม่ใช่การมุ่งเน้นไปที่งานด้านการศึกษาเพียงด้านเดียว เพราะต้องไม่ลืมว่าในอีกมิติหนึ่ง กระทรวงศึกษาฯ ถือเป็นกระทรวงใหญ่ ที่มีข้าราชการครูครอบคลุมไปทั่วประเทศ แน่นอนว่าภารกิจของกระทรวงศึกษาฯ ย่อมมีมากกว่า งานด้านการศึกษา หากแต่ยังต้องภารกิจที่เชื่อมโยงไปพร้อมกับการแก้ปัญหาใหญ่ที่ต้องอาศัยการสร้างความรู้ ความเข้าใจกับคนทั่วประเทศ การปรับครม.รอบนี้ จึงไม่ใช่แค่การเพิ่ม หรือเปลี่ยนตัวผู้เล่น เท่านั้นหากแต่ยังเป็นจังหวะที่จะทำให้ ครม."ประยุทธ์ 4" มีความแข็งแกร่ง เป็นฐานสำคัญค้ำยัน คสช. อีกด้วยเช่นกัน !