เนวิน-ทักษิณ  เงียบดูเชิง ! 

 เกมบดขยี้ พรรคสีน้ำเงิน ยังคงเดินหน้าต่อไป ด้วยความเข้มข้น  โดยมี คดีฮั้วเลือกสว.67 เป็น ชนวนชั้นดี จนทำให้ เครื่องมือ และกลไกต่างๆที่อยู่ในมือ พรรคสีแดง อย่าง เพื่อไทย ถูกจับตาว่ากำลังเป็นฝ่ายถือแต้มต่อเหนือกว่าพรรคภูมิใจไทย 

 การประชุมครม. เมื่อวันที่ 20 พ.ค.68 ที่ผ่านมา ไม่มีอะไรที่ผิดไปจากการคาดหมายว่าเมื่อ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ต้องยุติการกำกับดูแลหน่วยงานหลักอย่าง กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอตามคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ แล้วพรรคเพื่อไทย จะหมดตัวเล่น 

 เพราะในที่สุด ชื่อของรัฐมนตรีที่ครม.เคาะออกมาคือ ชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ รักษาราชการแทน ตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการแผ่นดิน เมื่อดีเอสไอ ไม่มีรัฐมนตรีคุม ซึ่งชูศักดิ์ เป็น คนของพรรคเพื่อไทยเองอยู่ดี  อย่าลืมว่าแม้พ.ต.อ.ทวี จะเป็นหัวหน้าพรรคประชาชาติ พรรคร่วมรัฐบาล แต่ก็ถือเป็นกลไกในมือของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เท่ากับว่า วันนี้ดีเอสไอยังเดินหน้า ตรวจสอบคดีฮั้วเลือกสว. เฉพาะความผิด ฐานฟอกเงิน ตามมติของคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ตั้งแต่เมื่อวันที่ 6 มี.ค.68ที่ผ่านมา

 ขณะที่ สว.สายสีน้ำเงิน ทยอยเข้าชี้แจงต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)หลังรับทราบข้อกล่าวหา ตั้งแต่วันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา กกต.ยังเรียก สส. รวมถึง รัฐมนตรี ของพรรคภูมิใจไทย  คือ นภินทร ศรีสรรพางค์  รมช.พาณิชย์ ทำเอาพรรคปั่นป่วนอย่างชัดเจน 

 ล่าสุดยังปรากฏว่า สว.สำรอง คือ กุสุมาลวตี ศิริโกมุท  เข้ายื่นคำร้องต่อกกต.เพื่อชงไปยัง ศาลรัฐธรรมนูญ ให้ยุบพรรคภูมิใจไทย ตามมา พร้อมทั้งยืนยันว่า มีหลักฐาน ชัดเจนว่ามีคนระดับบิ๊กของพรรคสีน้ำเงิน เข้ามาเกี่ยวข้องในกระบวนการเลือกสว.ตั้งแต่ระดับพื้นที่มาเลย 

 ภาพที่เห็นเวลานี้จึงไม่ต่างจาก พรรคภูมิใจไทย เป็นฝ่ายถูกรุกไล่ด้วยข้อกฎหมายและกลไกอำนาจผ่านดีเอสไอ โดยที่ เจ้าของพรรคตัวจริง อย่าง เนวิน ชิดชอบ ครูใหญ่แห่งภูมิใจไทย นั้นอยู่ในความนิ่งสงัด จนผิดสังเกต เช่นเดียวกับ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เจ้าของพรรคเพื่อไทย ที่อยู่ในความเงียบอย่างผิดปกติ 
 
 จะว่าเป็นเพราะทักษิณ เตรียมตัวรับมือในวันที่ 13 มิ.ย.68เมื่อศาลฎีกา แผนกคดีอาญาผู้ดำรงทางการเมือง  คดีชั้น 14  เนื่องจากเป็นวาระที่ถูกจับตา และลุ้นกันว่าในวันดังล่าว ทักษิณ จะไปปรากฏตัวหรือไม่ 

 ตลอดเส้นทางการต่อสู้ระหว่างสีแดงกับสีน้ำเงิน อาจจะยาวไกล หรือสั้นกว่าที่คิด แต่ประเด็นสำคัญนั้นย่อมอยู่ที่ว่า ใคร จะพลาดพลั้ง และเสียหายสาหัสมากกว่ากัน !