ชัยวัฒน์ สุรวิชัย - ภาษา เป็นวิวัฒนาการการสื่อสารของมนุษย์ที่จะสื่อความหมายซึ่งกันและกันให้เข้าใจ เพื่อการดำรงชีวิตอยู่ได้เป็นสังคมนั้นๆอย่างปกติสุข ภาษาเขียน เป็นสิ่งที่ใช้บันทึกเหตุการณ์และองค์ความรู้ต่างๆ เพื่อสื่อสารกันอย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยรื้อฟื้นความทรงจำที่อาจลืมเลือนไปเมื่อเวลาผ่านไป ดังนั้นภาษาจึงเป็นสิ่งที่เกิดจากชีวิต และความรู้สึกนึกคิดของคนในสังคมที่ใช้ภาษานั้นๆ @ “ ลุงเชย “ สมัยนี้ถูกเข้าใจ ในแง่ลบ เนื่องมาจาก นิยาย เรื่องพล นิกร กิมหงวน ของ คุณ ป.อินทรปาลิต ตัวละครตอนหนึ่งคือ “ ลุงเชย “ เป็นตัวละครที่เกิดมาจาก ประสบการณ์ของ ป. อินทรปาลิต ช่วงที่เป็นเด็ก ฯ “ ลุงเชย “ เป็นพี่ชายเจ้าคุณประสิทธิ์ เป็นคนอำเภอโกรกพระ จังหวัดนครสวรรค์ มักจะทำอะไรๆเปิ่นๆ ตามประสาคนบ้านนอก จึงเป็นที่มาของคำว่า เชย ซึ่งหมายถึง ไม่ทันสมัยนั่นเอง @ อันที่จริงคำว่า "เชย" หากเปิดดูในพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตสถาน 2542 จะพบว่า เชย ก.สัมผัสช้นขึ้นเบาๆด้วยความเอ็นดูหรือรักใคร่ เช่น เชยแก้ม เชยคาง เป็นคำไทยแท้ ที่ไพเราะ มีความหมายในแง่บวก - เรารู้เข้าใจ ของจริงด้านบวก และเข้าใจที่มา ด้านลบของ “ ลุงเชย “ แล้ว เรามาดูของจริงกันดีกว่า วันนี้เรามารู้จัก “ ลุงเชย “ ในยุคปัจจุบัน อายุร่วม 70 ปี ผ่านโลกมาเยอะ แทบทุกเรื่องราวของบ้านเมือง ลุงเชย เป็นคนซื่อ ใช้น้อยกินน้อย เรียบง่าย จะเรียกว่าประหยัดพอเพียงในการใช้ชีวิต การแต่งกาย กินอยู่ ฯ แต่ในเรื่องงาน ขยันขันแข็งเอาจริงจริงใจ แน่วแน่ มั่นคง ไม่เสร็จไม่ถึงฝั่ง ไม่หยุด แม้จะมีอุปสรรคเพียงใดก็ไม่ท้อ ลุงเชย ไม่ได้เป็นคนเก่งที่ มีปัญญาเฉลียวฉลาด ไม่ได้เป็น ดอกเตอร์ ศาสตาจารย์ จบเพียงป.ตรี ใช้เวลาไป 6 ปี ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม ตรงไปตรงมา การทำงาน แบบวัวงานประเภทฮึดสู้ จึงต้องใช้เวลานาน กว่าจะทำงานสำเร็จ ไม่เอาเปรียบใคร แต่ถูกเอาเปรียบประจำ แต่มีใจรักและเคารพนับถือทุกคน คนที่รู้จักมานาน จึงรักและเมตตา - ตอนนี้ลุงเชย มีความสุขมาก จากงานที่ทำมาอย่างต่อเนื่อง เป็นงานที่ทำมานาน ตั้งแต่เป็นนายเชยยามหนุ่ม แม้จะยังไม่สำเร็จ รถไฟหัวจักรเก่า ยังแล่น ฉึกฉักๆ ถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็ช่าง ไม่ถึงหัวลำโพงสักที ติดอยู่แค่บางซื่อ แต่ลุงเชย มีทางเลือกมากขึ้น จากประสบการณ์และความจริงที่ได้สรุปมา จึงยังมุ่งมั่นแน่วแน่ ก้าวต่อไปข้างหน้า มีความสุขพอควรที่ได้เห็นความเติบโตของลูกชายทั้งสอง และหลานสาว …. ที่สำคัญคือ จิตใจอาสาของเยาวชน ลุงเชยมีแบบอย่างที่ดีมีคุณค่าและประเสริฐสุด นำทางที่ถูกต้อง คือ “ คำสอนของพ่อ “ และ “ความฝันอันสูงสุด” 1. หลักการบริหารบ้านเมือง "... ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครทำทุกคนให้เป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุขเรียบร้อยจึงไม่ใช่อยู่ที่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากอยู่ที่การส่งเสริมคนดีได้ปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดีไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้ ..." 2. หลักการครองแผ่นดิน “ เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชร์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม “ 3. ขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ ขอสู่ศึกทุกเมื่อไม่หวั่นไหว ……… จะแน่วแน่แก้ไขในสิ่งผิด ไม่ท้อถอยคอยสร้างสิ่งที่ควร ไม่เสียหายชีวาถ้าสิ้นไป ……………… นี่คือปณิธานที่หาญมุ่ง หมายผดุงยุติธรรม์อันสดใส ถึงทนทุกข์ทรมานนานเท่าใด ยังมั่นใจรักชาติองอาจครันโลกมนุษย์ย่อมจะดีกว่านี้แน่ เพราะมีผู้ไม่ยอมแพ้แม้ถูกหยัน คงยืนหยัดสู้ไปใฝ่ประจัญ ยอมอาสัญก็เพราะปองเทิดผองไทย - บทสรุปของลุงเชย ที่ไม่เชย ใช้ได้จริง เพราะแก้ที่เหตุของปัญหา 1. สาเหตุหลักที่ทำให้สังคมไทยเกิดวิกฤตและแก้วิกฤตไม่ได้ โครงสร้างและระบบสังคมไทย ไม่เป็นธรรม เหลื่อมล้ำ คนมีอำนาจเอาเปรียบคนจนที่ไม่มีอำนาจ คุณภาพคนไทยอ่อนแอ ขาดความรู้ความคิด การใช้สติปัญญา เงินทุน ยังหวังพึ่ง ไม่รวมกลุ่ม ไม่พึงตนเอง ขาดจิตสำนึกและความรับผิดชอบต่อชุมชน สังคมและบ้านเมือง และขาดการสรุปบทเรียน ทำผิดซ้ำซาก 2. คนชั้นนำในสังคม ขาดวิสัยทัศน์ ความเป็นรัฐบุรุษ และความรับผิดชอบต่อบ้านเมือง ไม่กล้าเสียสละฯ ปล่อยให้ทหารในยุคเก่าและนักการเมืองในยุคหลัง เข้าสู่อำนาจรัฐ และบางส่วนไปร่วมผลประโยชน์ 3. ผู้นำรัฐและรัฐบาล ไม่ได้คิดระบอบการเมืองใหม่ที่นำมาใช้บริหารบ้านเมืองให้เป็นประชาธิปไตย นอกจากจะไม่ได้แก้ที่เหตุของปัญหา ยังสร้างปัญหาโดยการ เปลี่ยนระบบโครงสร้างเดิม ให้มารับใช้ผลประโยชน์และการเข้าสู่อำนาจรัฐของตนและพวกพ้อง โดยเฉพาะนักการเมืองและพรรคการเมือง ทำให้ระบบข้าราชการอ่อนแอ ขาดคนดีมีฝีมือ เพราะเอาคนของตน ขึ้นสู่ตำแหน่งสูง เพื่อรับใช้ตัวเอง ส่วนทหารและกองทัพ แม้ว่าจำจะต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับยุคปัจจุบันและสังคมโลก แต่กรอบคิด วิสัยทัศน์และประสบการณ์ ยังคงแคบ คิดแบบข้าราชการ คิดแบบเก่า ขาดความคิดปฏิรูป ฯ จึงทำได้ เพียง “ เข้ามาหยุด ยับยั้งวิกฤตของสถานการณ์ และปล่อยให้นักการเมือง เล่นไพ่ประเทศต่อไป “ ระบบการเลือกตั้งแบบเดิม ไม่สามารถแก้ไขวิกฤตและพัฒนาประเทศไปสู่ประชาธิปไตยได้ 4. ผู้นำรัฐบาล กองทัพ ข้ารการและประชาชน ต้องกล้าตัดสินใจ “ ยกเลิกและหยุดไว้ชั่วคราว “ แล้วสร้างระบบการเมืองใหม่ ที่มาจากหลายภาคส่วน มิใช่นักการเมืองพรรคการเมืองแต่ฝ่ายเดียวเหมือนก่อน โดยเน้นการสรรหา ตัวแทนของทุกภาคส่วนที่เป็นคนดีมีคุณธรรมมีความรู้ประสบการณ์ เข้ามาจัดระบบใหม่ ซึ่งต้องใช้เวลา อย่างน้อย 2 สมัย โดยมีหน้าที่หลัก คือ เปลี่ยนระบบโครงสร้าง และสร้างคุณที่มีคุณภาพ เมื่อจัดระบบใหม่ให้เข้าที่ โดย มี การเมืองที่เป็นประชาธิปไตย เศรษฐกิจที่เป็นธรรม สังคมและวัฒนธรรมที่ดี ระบบการศึกษาที่เท่าเทียม สอนให้คนมีความรู้ มีจิตสำนึกมีความรับผิดชอบ ระบบข้าราชการที่รับใช้ประชาชน ธุรกิจที่โปรงใสมีธรรมาภิบาล ระบบและขบวนการยุติธรรมที่เป็นธรรม เท่าเทียม ไม่แพง มีศักยภาพประสิทธิภาพ องค์กรภาคประชาชน เอ็นจีโอ กลุ่มสิทธิฯ ที่เน้นเรื่องสิทธิของปัจเจกคู่ไปกับสิทธิของส่วนรวมและบ้านเมือง 5. เงื่อนไขและโอกาสเอื้ออำนวยต่อการเปลี่ยนแปลงใหญ่ของสังคมไทย การเสด็จสวรรคตของในหลวง ร. 9 ด้านหนึ่ง ได้ก่อให้เกิดความเศร้าโศกเสียใจอย่างสุดซึ้งในหมู่ชาวไทย อีกด้านหนึ่ง ได้ก่อกระแสให้เกิด ความรู้ จิตสำนึกใหญ่ ที่ต้องการจะสืบทอดเจตนารมณ์ที่ยิ่งใหญ่ของในหลวง ในการสร้างสังคมที่เป็นธรรมเพื่อประชาชนไทย ด้วยแนวทางที่พระองค์ได้ทรงวางไว้ ให้เดินก้าวไปสู่เป้าหมายเยาวชน นักเรียนนักศึกษาและประชาชนทุกสาขาอาชีพ ได้แสดงออกซึ่งจิตใจอาสาที่ยิ่งใหญ่ออกมาทุกวัน ได้แสดงเจตนารมณ์ของปวงชนไทย ที่ต้องการสังคมใหม่ที่เป็นธรรม และปฏิเสธสังคมเก่าที่ไม่ชอบธรรม รัฐบาลข้าราชการ กองทัพและทุกภาคส่วน จะต้องใช้โอกาสที่ดียิ่งนี้ ดำเนินการ ให้เป็นไปตามพระราชประสงค์ ของในหลวงรัชกาลที่ 9 และเจตนารมณ์อันยิ่งใหญ่ของปวงชนชาวไทย นี่คือ การตอบแทนบุญคุณที่ยิ่งใหญ่ที่ในหลวงรัชกกาลที่ 9 ได้ทำไว้ให้กับประชาชนชาวไทยของพระองค์ - ส่วนลุงเชย ลุงเดินมานานแล้ว เดินตามรอยพ่อ เพื่อประชาชนชาวไทยมาตลอด นี่เป็นอุดมคติ ที่ได้สร้างสะสมและพัฒนามาตลอดชีวิต จากหนุ่มมาจนถึงวัยชราชนคนเกษียณ โดยจะศึกษาแนวทาง บทเรียนแบบอย่าง พระราชกรณียกิจ พระบรมราโชวาท พระราชดำรัส ของในหลวง ร.9 และสรุปบทเรียน ทั้งของตัวเอง เพื่อนสนิทมิตรสหายคนเดือนตุลา กองทัพ นักการเมือง ข้าราชการ ฯลฯ แก้ไขข้ออ่อน เสริมข้อดีจุดแข็งของทุกฝ่าย โดยเฉพาะตัวเอง ที่สามารถทำได้เลย ลุงเชย รู้ตัวดีว่า “แก่แล้ว และความรู้ความสามารถและศักยภาพ มีจำกัด ยังไม่พอที่จะเปลี่ยนแปลงสังคมได้ @ จึงขอเชิญเพื่อนมิตร ประชาชน โดยเฉพาะเยาวชนนักเรียนนักศึกษา คนรุ่นใหม่ที่มีอนาคตสดใส ได้มาร่วมสร้างสรรค์ เปลี่ยนแปลงสังคม ให้เป็นจริง มาน่ะ มาคิดดีทำดี ทำเพื่อตนเอง ส่วนรวม ชุมชน สังคมบ้านเมือง และทำเพื่อพ่อหลวงของประชาชน และเมื่อดินกลบหน้า ต้องลาจากแผ่นดินไทยไปชั่วนิรันดร์ ก็จะมีความสุข ฝันอยากจะเห็น สังคมไทยเป็นธรรม เข้าสู่ยุคศิวิไลย์เพื่อความสุขของคนไทยทั้งประเทศ เพื่อให้ หลานน้ำผึ้ง และเยาวชนไทย ที่กำลังจะเติบโตมา ได้อยู่ ได้เห็น สังคมอุดมคติ ที่พ่อแม่ปู่ย่า ได้สร้างไว้