ความเคลื่อนไหวจาก พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่บุกขึ้นไปขอนแก่นเพื่อช่วยลูกพรรคหาเสียง เตรียมพร้อมในการเลือกตั้งระดับเทศบาลที่จะมีขึ้นในวันที่ 11 พ.ค.68 นี้ หากเป็นเมื่อก่อน คราวที่ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯคนที่ 23 ยังมีกำลังแข็งขัน คงไม่สร้างความหวั่นไหวและกระตุกให้ผู้คนหันมาสนใจ
4 พ.ค.68 ที่ผ่านมา พิธา สวมหมวกอีกหนึ่งใบ ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน ปราศรัยช่วย ลงพื้นที่ปราศรัยช่วย เบญจมาภรณ์ ศรีละบุตร ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครขอนแก่น ประกาศว่า อีก 9 ปีจะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีที่ดีที่สุดของประเทศไทย
หากเลือกพรรคประชาชนจะได้พรรคอันดับหนึ่งของประเทศไทยในตอนนี้ แม้จะถูกตัดสิทธิ พรรคประชาชนก็ยังมี ส.ส. เป็นอันดับหนึ่งของประเทศไทยอยู่ดี จะได้คนเก่ง ๆ จากทั่วประเทศไทยมาจัดการ
เชื่อว่าคนขอนแก่นมีศักดิ์ศรี ซื้อไม่ได้ แล้วกลับมาฉลองกัน ตนเดินทางหาความรู้ทั่วประเทศ อีก 9 ปี กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีที่ดีที่สุดของประเทศไทย
เมื่อพิธา ประกาศจุดยืน ขอให้ประชาชนอดใจรอเขาอีก 9 ปี ปรากฏว่าทางพรรคเพื่อไทย โดย อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ ออกมาสวนกลับต้องย้อนกลับไปดูว่าสิ่งที่พิธา พูดมาตลอดนั้นเคยทำอะไรสำเร็จไปแล้วบ้าง และยังต้องรอดูด้วยว่าที่พูดมานั้นทำได้แค่ไหน
ความหวั่นไหวและวุ่นวายภายในพรรคเพื่อไทยนั้น ถูกเชื่อมโยงกับความเป็นไปของทักษิณ ที่เจ้าตัวยังต้องเผชิญหน้ากับคดีความด้วยกันอีก 2เรื่องใหญ่ หนึ่งคือการรอลุ้นวันที่ 13 มิ.ย.นี้ว่า ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะมีคำสั่งออกมาอย่างไร ปมประเด็นว่าด้วย ชั้น 14 นอกจากนี้ คดี ม.112 ที่ทักษิณ ยังตกเป็นจำเลยจนทำให้เขาเองต้องอยู่ในคำสั่งศาล แม้ให้ประกันตัวชั่วคราว แต่ไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ หากศาลไม่อนุญาต
เวลานี้หากยกให้ อดีตนายกฯทักษิณ เป็นทั้ง แม่ทัพใหญ่ และเป็น หัวใจหลัก ของพรรคเพื่อไทย อันจะมีผลต่อรัฐบาล ที่มี แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกฯ จึงไม่ต่างจากการที่อยู่ในสถานการณ์อันคลุมเครือ และต้องลุ้นวาระของรัฐบาล ว่าจะอยู่จนครบเทอม ตามที่ แกนนำ ในรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย พยายามย้ำและยืนยัน อยู่หรือไม่
การต่อสู้ของพรรคเพื่อไทย 2ปีให้หลัง เมื่อเข้ามานั่งในฝ่ายบริหาร มีอำนาจรัฐอยู่ในมือ แต่ดูเหมือนว่า สถานการณ์ทุกอย่างยิ่งบีบรัดและกดดัน จนดูเหมือนว่า ทั้งทักษิณ -พรรคเพื่อไทย และนายกฯแพทองธาร ต่างตกอยู่ในคิลลิ่งโซนทั้งสิ้น !